ถ้าทุกคนเปลี่ยนมาใช้รถEVกัน ความต้องการ(demand)ไฟฟ้าก็สูงขึ้น ค่าไฟก็แพงขึ้นตามสิครับ แล้วมันจะประหยัดเงินได้ยังไง?

ถ้าเหตุผลเพราะเป็นหลังงานสะอาดนี่ก็พอรับได้ แต่ถ้าประหยัดขึ้นกว่าเดิมนี่ จริงเหรอครับ?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ข้อดีของไฟฟ้า คือ คุณต้องผลิต เกินความต้องการอยู่แล้ว เช่นทุกวันนี้ เราต้องผลิต 40000
สำหรับพีคโหลด แต่ อาจใช้เฉลียแค่ 25000 ดังนั้นรถไฟฟ้ามา จะช่วยให้การใช้ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขั้น
เพราะ เราสามารถ เอารถ ไปชารจตอน ช่วง ไม่ใช่พีคโหลดได้

ที่สำคัญ น้ำมัน 1 แกลลอน เอามาใช้ในรถยนต์ อาจได้ประสิทธิภาพ แค่ 15-30% แต่ในโรงไฟฟ้า
ส่วนมากจะทำได้ถึง 75% แม้สูญเสียพลังงานระหว่างสายส่ง และ การชาร์จแต่ประสิทธิภาพ
ก็ดีกว่าการใช้รถน้ำมัน

ที่สำคัญ พลังงานไฟฟ้า หามาได้จากหลายแหล่ง ไม่ว่าแสงแดด ลม หรือนิวเคลียร์
ความคิดเห็นที่ 16
ผมเห็นชอบพูดกันจังว่ารถยนต์ไฟฟ้าประหยัดกว่ารถสันดาป เพราะชิ้นส่วนน้อยกว่า ค่าไฟถูกกว่าน้ำมัน ฯลฯ แต่ไม่เห็นพูดถึง ....

1. รุ่นขี้หมูขี้หมายังเป็นล้าน อย่างกู๊ดแมวนี่เทียบเท่าพวกซิตี้ วีออส แต่ราคาต่างกันหลายแสน ส่วนต่างตรงนี้เอาไปผลาญน้ำมันได้สิบปี
2. ซ่อมบำรุงต้องเข้ายานแม่เท่านั้น เพราะระบบไฟฟ้าล้วน ช่างนอกซ่อมไม่ได้ ไม่มีเครื่องอ่านโค้ด ส่วนรถยนต์สันดาป ๆ โบราณ อู่เพิงหมาแหงนก็ยังซ่อมได้
3. จุดชาร์จเร็ว แบบติดตั้งที่บ้าน การขออนุญาตยังยุ่งยาก ราคาแพง และต้องเสียค่าอุปกรณ์อะไรต่าง ๆ นานาอีก
4. ระยะยาวระเบิดเวลาค่าบำรุงดูแล คือ การเปลี่ยนแบตเตอรีนอกระยะเวลาประกัน การหาแบตเตอรีรุ่นเทียบ ใส่แทนกันด้นั้น ยังเป็นเรื่องห่างไกลมาก

เทคโนโลยีที่เปลี่ยนผ่านได้อย่างรวดเร็ว คือ เทคโนโลยีใหม่ที่ออกมา แก้ปัญหา ของเทคโนโลยีเก่า เช่น จาก floppy disk เป็น usb drive และจาก usb drive เป็น cloud storage แม้กระนั้นเองกว่าจะเปลี่ยนผ่านจาก usb drive เป็น cloud storage ก็ยังต้องใช้เวลาเป็นสิบปี เพราะต้องรออีกเทคโนโลยีด้านความเร็วอินเตอร์เน็ตให้พร้อมเสียก่อน สมัยนี้ ไม่มีใครแชร์ไฟล์ให้กันผ่าน usb drive แล้ว ไป google drive, one drive, dropbox กันหมด

การมาของรถยนต์ไฟฟ้า แก้ปัญหาเดิมของรถยนต์สันดาปในปัจจุบันอะไรบ้าง ถ้ามองในแง่ของผู้บริโภค?

การเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปไปยังรถยนต์ไฟฟ้า ยังต้องรอองคาพยพของทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์และอุตสาหกรรมพลังงาน ขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกัน ซึ่งมันซับซ้อนกว่าพวกอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ ที่ชอบมาเทียบว่าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

NGV ที่เกิดมาก่อนหน้านี้ แก้ปัญหาเดิมของรถน้ำมันได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความประหยัดมากกว่ารถน้ำมันหลายเท่าแบบจับต้องได้ ซ่อมอู่นอกได้ ไม่มีปัญหาเรื่องการเดินทางและการสลับเชื้อเพลิง ยังเปลี่ยนพฤติกรรมคนไทยไม่ได้เลย ในที่สุดค่ายรถยนต์ก็เลิกทำกันไปหมดแล้ว เพราะคนไทยรอเติมก๊าซไม่ได้
ความคิดเห็นที่ 12
tesla 3 standard กินไฟที่ 15kwh/100km

การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 31.1 ล้านลิตร/วัน
อัตราการกินน้ำมันตีให้ที่ 12กม./ลิตร
เท่ากับราวๆ 373.2ล้าน กม./วัน

ถ้ารถยนต์กลุ่มเบนซินเปลี่ยนมาใช้ tesla 3 standard ทั้งหมด
จะต้องใช้ไฟราวๆ 56,000MWh เพื่อชาร์จรถ
ถ้าเฉลี่ยชาร์เท่าๆกันในแต่ละชั่วโมงใน1วัน ก็ใช้ไฟราวๆ 2,333MW

ตอนนี้ไทยมีไฟฟ้าสำรองเกินอยู่ 20,000MW
ถ้าเปลี่ยนรถน้ำมันเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมด ค่าไฟจะถูกลงครับ
เพราะไม่ต้องแบกต้นทุนไฟฟ้าสำรองทิ้งไปฟรีๆ
ความคิดเห็นที่ 1
ความจริงคือ supply and demand ถ้าใช้ไฟฟ้ากันมากๆ ไฟก็จะไม่พอใช้

โรงไฟฟ้า ก็ต้องใช้น้ำมันหรือแก๊ซ มาปั่นผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

ราคาก็จะ ต้องแพงขึ้นเป็นธรรมดา

ผลิตไฟด้วยแก๊ซหรือน้ำมัน ก็จะเกิด แก๊ซเรือนกระจก คาบอนไดอ๊อกซาย พอๆกับ ไอเสียรถใช้น้ำมัน

พลังงานสะอาด แผงโซล่าผลิตไฟฟ้าได้น้อยมาก และ ใช้ได้แค่ตอนกลางวันที่มี แสงแดดเท่านั้นเอง

ยังไงๆ ก็ต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม ให้ใหญ่ขึ้น เพื่อจะผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอช่วงพีค ไม่งั้นไฟดับทั่วประเทศ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่