มาทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารในครัวเรือนกันเถอะ ง่ายๆไม่ยุ่งยาก ช่วยลดภาระให้คนเก็บขยะ แถมได้ปุ๋ยดีๆไว้ใส่ต้นไม้ด้วย

สวัสดีค่ะ วันนี้ไม่ได้มาตั้งกระทู้ชวนทำอาหาร หรือทำขนมอบแต่อย่างใด
แต่วันนี้มาตั้งกระทู้ เพื่อเชิญชวนให้ทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่าน ได้ลองกำจัดขยะจากเศษอาหาร
แถมยังได้ปุ๋ยหมักดีๆไว้ใช้ในบ้าน ที่สำคัญที่สุดคือช่วยลดปัญหาขยะเปียกที่เกิดจากเศษอาหาร
และช่วยลดภาระให้เจ้าหน้าที่ในการจัดเก็บและกำจัดขยะพวกนี้ด้วยค่ะ

ก่อนจะเข้าเนื้อหา ขออนุญาตฝากเพจทำอาหาร ทำขนมไว้ด้วยค่ะ
หากท่านใดสนใจเรื่องการทำอาหาร ทำขนม หรืองานครัวต่างๆสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่
https://www.facebook.com/AuntysRecipesTH/
ขอบคุณค่ะ <3

เกริ่นไว้ก่อนว่า เราเองเป็นคนที่ชอบทำอาหาร ทีนี้ถ้าใครทำอาหารบ่อยๆจะทราบดีว่า
มันจะมีเศษอาหารที่เหลือจากการทำอาหาร เศษอาหารที่เหลือจากการกินจำนวนเยอะมากๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราจะกรองเอาน้ำออกให้หมด แล้วทิ้งเศษอาหารในถุงพลาสติก มัดปากถุงให้มิดชิดแล้วถึงจะทิ้งลงถังขยะ
ในใจจะรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่ต้องทิ้งเศษอาหารเปียกเหล่านี้ลงถัง เพราะรู้อยู่ว่าผ่านไปไม่กี่วันมันก็จะเน่า เหม็น และกลายเป็นปัญหาในการเก็บของเจ้าหน้าที่ต่อไป เราเลยพยายามหาข้อมูล หาวิธีต่างๆที่จะลดปัญหาพวกนี้
ซึ่งเราทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าเศษอาหารเนี่ย จริงๆมันก็คือปุ๋ยดีๆนี่เอง เพียงแต่เราไม่รู้ว่าจะทำให้มันกลายเป็นปุ๋ยได้ยังไงใช่มั้ยคะ
เราหาข้อมูลเยอะมาก มีตั้งแต่คนบอกให้ขุดหลุมฝัง ขุดหลุมทำถังหมักใต้ดิน ทำปุ๋ยหมักแบบที่ต้องกลับด้าน หรือแม้แต่เครื่องกำจัดเศษอาหารอัตโนมัติแบบที่ทันสมัยมากๆ สามารถย่อยอาหารได้ภายใน 24 ชม.และกลายเป็นปุ๋นได้ทันที ซึ่งเป็นเครื่องที่เราอยากได้มากที่สุด
แต่ไอ่เครื่องที่ว่านี่ราคาประมาณ 6 หมื่นกว่าบาท ซึ่งสำหรับเรา เราไม่ได้มีเงินขนาดนั้นค่ะ
จนหาข้อมูลไปได้เรื่อยๆ ก็เจอข่าวข่าวนึง เป็นเรื่องของคนกลุ่มนึงที่ได้รางวัลเกี่ยวกับเครื่องกำจัดเศษอาหารให้กลายเป็นปุ๋ย
ซี่งน่าสนใจมากๆ และเรารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้ต้องเหมาะกับครอบครัวของเราที่สุด
เราก็ตามคีย์เวิดร์ดไปเรื่อยๆ จนได้เจอกับเฟซบุ๊คของเค้า ซึ่งในนั้นเค้าก็จะขายถังหมักสำหรับทำปุ๋ยจากเศษอาหารค่ะ
แล้วเราก็ตามไปซื้อของจากเค้า และได้พูดคุยสอบถามรายละเอียดพอสมควร จนรู้สึกว่า เออ มันไม่ได้ยากเลยนะกับการทำปุ๋ยหมักเนี่ย
มันดูง่ายกว่าที่เราหาข้อมูลเยอะเลย แถมราคาไม่แพงด้วย

อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆท่านน่าจะอยากเห็นผลิตภัณฑ์ของเราแล้ว 555
มาค่ะ ตามมาดูกัน



และนี่คือเจ้าถังหมักที่เราพูดถึงค่ะ เป็นถังพลาสติกขนาด 40 ลิตรหน้าตาบ้านๆ
กล่องนี้เราซื้อพร้อมตัว Compost Starter หรือตัวเร่งเชื้อ ราคา 550 บาทค่ะ
เราไม่ได้เขียนผิดนะคะ 550 บาทจริงๆค่ะ แล้วมันเป็น 550 บาทที่คุ้มค่าสำหรับเรามากกกกกกกกกกกกเลยค่ะ



ส่วนนี่คือตัว Compost Starter ได้มา 2 ถุงใหญ่ๆพร้อมถังค่ะ

ทั้งหมดทั้งมวลในการเริ่มทำปุ๋ยเรามีเท่านี้เองค่ะ คือตัวถังที่ด้านในจะมีท่ออากาศอยู่
กับตัว Compost Starter เป็นตัวเร่งเชื้อค่ะ

วิธีทำปุ๋ยก็ไม่ยากเลยค่ะ มันง่ายกว่าที่เราคิดไว้มากๆ
คือเราแค่เอาถังไปวางไว้นอกบ้าน ในที่ร่มที่อากาศถ่ายเทสะดวก
แล้วใส่เศษอาหารลงไป พร้อมกับตัวเร่งเชื้อและน้ำตาลทรายประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
แล้วปิดฝาทิ้งไว้ แค่นี้เองค่ะ ถ้ามีเศษอาหารอีก ก็ทำแบบเดิมแต่ไม่ต้องใส่น้ำตาลแล้วนะคะ น้ำตาลอาจจะใส่สัก 2-3 หนก็ใส่สักทีนึงก็ได้ค่ะ
ทำไปเรื่อยๆจนเต็มถัง ก็หมักทิ้งไว้ประมาณ 25-30 วัน เศษอาหารทั้งหมดก็จะกลายเป็นปุ๋ยหมัก พร้อมให้เรานำไปใส่ต้นไม้ต่อได้แล้วค่ะ

อ่านๆไปอาจจะงงๆ ลองมาดูภาพประกอบกันค่ะ



เศษอาหารวันแรก ของเรามีเปลือกส้มจากการทำน้ำส้มคั้น เศษอาหารอยู่ด้านล่างๆชาม กากกาแฟ แล้วก็เศษกระดาษค่ะ
ถ้าบ้านไหนเป็นเศษอาหารพวกน้ำแกง แนะนำให้กรองเอาน้ำออกให้หมดนะคะ จะได้ไม่เปลืองตัวเร่งเชื้อและจะทำให้ย่อยได้ดีกว่าค่ะ


เทเศษอาหารลงในถัง จะเห็นว่าในถังจะมีท่ออากาศอยู่ค่ะ ท่อพวกนี้จะนำอากาศเข้ามา ทำปฎิกิริยากับเศษอาหารและตัวเร่งเชื้อให้กลายเป็นปุ๋ย
เทเศษอาหารลงไป เทตัวเร่งเชื้อลงไป โรยน้ำตาลลงไปสักช้อนนึง แล้วใช้ไม้คนๆให้เข้ากัน แล้วปิดฝาไว้เลยค่ะ


ระหว่างนั้นวันไหนมีเศษอาหารนิดหน่อยก็เทลงไป แล้วใส่หัวเชื้อลงไปในปริมาณที่เท่ากัน คนๆแล้วปิดฝาไว้
อันนี้ผ่านไป 2 วันลองมาเปิดดู จะพบว่ามีเชื้อราขึ้นนิดหน่อย อาหารเริ่มย่อยแต่ไม่มีกลิ่นเหม็นเลยค่ะ
กลิ่นออกเหมือนดินหอมๆ มีแมลงหวี่นิดหน่อย มีไอน้ำเกาะด้วยค่ะ


ผ่านไปอีก 1 วัน ตอนเช้าเปิดกล่องดูก็มีเชื้อราขึ้น มีไอน้ำเหมือนเดิมค่ะ ไม่เหม็นเลย


วันเดียวกับภาพด้านบนแต่เป็นตอนเย็นค่ะ เย็นนี้มีเศษอาหารเยอะหน่อย ก็ใส่ลงไป
ถ้ามีเศษอาหารชิ้นใหญ่ ก็อาจจะหั่นให้เล็กลงนิดนึง จะช่วยให้ย่อยได้เร็วขึ้นค่ะ


ผ่านไปอีก 4 วัน ระหว่างนั้นเรามีเศษอาหารทุกวันนะคะ แต่ไม่ได้ถ่ายไว้ทุกวันค่ะ
เราเติมเศษอาหารพร้อมกับตัวเร่งเชื้อลงไปในปริมาณเท่าๆกัน แล้วคลุกๆให้เข้ากันค่ะ
ตอนนี้เศษอาหารในถังเยอะขึ้น แต่ไม่มีกลิ่นเหม็นเลยค่ะ คือมันดีมากๆ
ตอนแรกเรานึกว่ามันจะเน่าๆ เละๆ ก็ทำใจไว้ระดับนึง แต่เอาเข้าจริงๆมันไม่ได้ดูเน่าหรืออะไรเลยค่ะ
มันดูเหมือนดินเปียกๆ ไม่มีกลิ่นเหม็นเลยด้วยซ้ำทั้งๆที่เราใส่พวกโครงไก่ดิบลงไปด้วย
(หมาเรากินโครงไก่ดิบค่ะ วันไหนเค้าไม่กินเราก็เททิ้งลงในถังเลย)


ใกล้จะเต็มถังแล้วค่ะ จะเห็นว่าผ่านไปแค่ 10 วัน แต่เศษอาหารบ้านเราเยอะมาก
เพราะช่วงนี้ทำกับข้าวกินทุกวัน แล้วเป็นช่วงที่คั้นน้ำส้มกินทุกวันค่ะ เศษอาหารจากเปลือกส้มเลยเยอะ
ก็เลยเปลืองพื้นที่หน่อย แต่ถ้าบ้านไหนมีนิดหน่อย เราว่าใช้ได้เดือนนึงสบายๆเลยค่ะ
หลังจากนี้อีกประมาณสองถึงสามครั้งเราก็ปิดฝาถังแล้วค่ะเพราะใส่เศษอาหารพร้อมตัวเร่งเชื้อจนเต็มถังแล้ว
ตามหลักคือ ทางร้านแนะนำว่าควรมี 2-3 ถังเอาไว้ใช้สลับกันค่ะ เพราะแต่ละถังจะใช้เวลาหมักประมาณ 25-30 วันอย่างที่บอกไป
ระหว่างที่ถังนึงหมัก อีกถังก็ใช้ไป พอถังหมักได้ที่ ถังที่ใช้ก็เต็มพอดี สลับกันไปแบบนี้เรื่อยๆ
ส่วนเราลองซื้อมาใช้แค่ถังนึงก่อนค่ะ คิดว่าถ้าดีก็คงซื้อต่อ และตอนนี้ก็แน่นอนแล้วว่า ต้องซื้อต่อแน่นอนค่ะ



รูปนี้คือถ่ายเมื่อเช้าค่ะ หลังจากปิดถังได้ประมาณ 10 วัน
เศษอาหารทั้งหมดเริ่มย่อยจนเหมือนดินแล้วค่ะ
แฉะๆนิดหน่อย จริงๆถ้าแฉะทางร้านจะแนะนำให้โรยน้ำตาลเพิ่มพร้อมกับใส่ตัวเร่งลงไปอีกหน่อย
แต่ตัวเร่งเราหมดแล้ว เลยไม่ได้ใส่ค่ะ ลองใช้ไม้คนๆดู เห็นว่ามีหนอนแมลงวันนิดนึง สองสามตัวค่ะ
ปุ๋ยแฉะ เริ่มมองไม่ออกว่าอดีตของพวกมันคืออะไรกันบ้าง เหลือแต่ก้านใบเพลียงนี่แหละค่ะที่ย่อยช้าเหลือเกิน 5555
แต่เห็นแฉะๆแบบนี้ บอกเลยว่าไม่มีกลิ่นเหม็นเลยค่ะ
กลิ่นเหมือนดินที่เพิ่งโดนฝนใหม่ๆ ออกแนวๆหอมๆชื่นใจๆด้วยซ้ำ 55555

จริงๆหน้าตาก็เริ่มเหมือนปุ๋ยหมักเข้ามาทุกทีๆแล้วค่ะ
ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 15-20 วันน่าจะจบกระบวนการอย่างสมบูรณ์
ซึ่งมาถึงตรงนี้ เราบอกได้เต็มปากเลยว่ารู้สึกดีมากๆที่ไม่ต้องทิ้งขยะเปียกลงถังอีกต่อไป
ที่พยามยามหาข้อมูลมามันให้ผลตอบแทนเราแล้วค่ะ และเรารู้สึกดีมากจริงๆจนอยากเอามาบอกต่อ
เพราะส่วนตัวเราคิดว่าขยะจากครัวเรือนที่เป็นปัญหามากที่สุดก็คือขยะจากเศษอาหาร เพราะนอกจากเวลาย่อยจะเน่า ส่งกลิ่นเหม็นแล้ว
ยังทำให้กระบวนการแยกขยะ และการรีไซเคิลลำบากด้วยค่ะ

พูดแต่ข้อดีมาเยอะมาก ในส่วนของข้อเสียก็มีค่ะ ส่วนตัวเรามองว่าข้อเสียคือ
1.ต้องซื้อตัวเร่งเชื้อ Compost Starter ตลอด ซึ่งเค้ามีขายชุดละ 50 บาท(จำราคาแน่ๆไม่ได้แต่ประมาณนี้) ซึ่งราคาไม่ใช่ปัญหา
ปัญหาคือการจัดส่ง แต่ถามเค้าแล้วเค้าบอกมีบริการจัดส่ง ซึ่งด้วยว่ามันมีน้ำหนักมาก ค่าส่งก็อาจจะแพงตามค่ะ
2.สำหรับบ้านไหนที่มีเศษอาหารเยอะๆ อาจจะต้องใช้หลายถังหน่อยค่ะ สำหรับบ้านเรา ช่วงนี้เศษอาหารเยอะ เดือนนึงอาจจะต้องใช้ประมาณ 2 ถัง ซึ่งเท่ากับว่าเราต้องมีทั้งหมด 4 ถังในการใช้สลับกันค่ะ

สำหรับข้อเสียที่นึกออกก็จะประมาณนี้ ถ้านึกได้อีกจะเขียนเพิ่มนะคะ 555

สุดท้ายอยากจะบอกว่า ที่ตั้งใจเขียนมายาวขนาดนี้เราไม่ได้ได้ค่านายหน้า หรือได้สปอนเซอร์หรือได้สินค้ามาฟรีนะคะ 555
ทั้งหมดเราหาข้อมูลเอง ตามไปซื้อถังนี้ถึงงานที่เค้าออกร้าน และเอามาใช้จริงๆค่ะ
ซึ่งหลายท่านน่าจะอยากทราบแล้วว่าไอ่ถังนี้มันมีขายที่ไหน มันมีขายที่นี่ค่าาา

https://www.facebook.com/PakDoneThailand/

ชื่อเฟซบุ๊คว่า ผักDone ค่ะ อยากจะบอกกลุ่มคนที่คิดค้นถังนี้ขึ้นมาว่า
ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมากๆที่ทำเจ้าสิ่งนี้ออกมาก มันช่วยให้เราสนุกกับการทำปุ๋ยหมักมากขึ้นมากๆ
และช่วยให้เราไม่รู้สึกแย่เวลาที่ต้องทิ้งขยะเปียกลงถังอีกต่อไป ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
และสำหรับเพื่อนๆที่เคยรู้สึกเหมือนเรา ว่าขยะเปียกมันคือปัญหาและจุดเริ่มต้นในการสร้างขยะระดับชาติ
ลองมาใช้ถังนี้กันค่ะ มันดีมากจริงๆ

เดี๋ยวพอครบ 30 วันแล้วจะเอาปุ๋ยหมักจากเศษอาหารของบ้านเรา มาอัพเดทให้ทุกคนชมกันนะคะ
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

<3

ขออนุญาตแท็ก ห้องก้นครัวเพราะเกี่ยวกับอาหารโดยตรง / ห้องกรีนโซนเพราะเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม / ห้องจตุจักรเพราะสุดท้ายมันจะกลายเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ / ห้องชายคา เพื่อบ้านของเรา และห้องหว้ากอ เผื่อจะมีนักวิทยาศาสตร์ท่าไหนต่อยอดไอเดียดีๆแบบนี้อีกค่ะ

ยิ้ม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่