BOM AND JOURNEY | เวียดนามใต้ 5 วัน 4 คืน ...เที่ยวไปตามใจ ให้คุ้กกี้เสี่ยงทายก็แล้วกัน

พอปลายปี ก็ต้องหาที่เที่ยวสักหน่อย ...ไม่รู้จะไปไหนดี เลยมาจบที่เวียดนาม กับ Route ที่โคตรแมสแห่งเวียดนามใต้
Ho Chi Minh – Da Lat – Mui Ne …มีคนทำรีวิวดีๆไว้เยอะมาก งั้นมาดูรีวิวสะเปะสะปะกัน ขาดๆเกิน เดินไปถ่ายไปไม่เน้นรายละเอียดกันบ้างดีกว่า
(ข้ออ้างของความขี้เกียจชัดๆ 555)


Cabin Crew Prepare to Landing!
ไปเที่ยวทีไร ไม่ได้นอนทุกที...เครื่องบิน Landing ที่ Ho Chi Minh ประมาณ 9 โมงเช้า พร้อมกับการหาวฟ่อดใหญ่ของผมและเพื่อนๆ ทริปนี้เราทำข้อมูลกันมาแบบคร่าวๆเลยครับ เลยเริ่มด้วยการเดินวนไปมาหาร้านซื้อซิมและแลกเงินที่เดิมๆอยู่สามสี่รอบ สุดท้ายก็มาจบที่ Vinaphone ร้านสีฟ้าๆริมสุด กับร้านแลกเงินของคุณป้าตรงหัวมุมที่มีตู้ Citibank



152 สีเขียว! คือรถบัสเข้าเมืองที่อารมณ์เหมือนนั่งรถร้อนอยู่แถวๆวงเวียนใหญ่ ค่ารถคนละ 5000 VND ถูกชิพหาย!
นั่งฟังเสียงแตรอันเป็นเอกลักษณ์มาสักพัก ก็มาถึง Pham Ngu Lao สถานที่ที่เราจะต้องซื้อตั๋วและขึ้นรถนอนข้ามเมืองไป Da Lat คืนนี้ ผมซื้อรอบ 5 ทุ่ม เพราะฉะนั้นมีเวลาเหลือเฟือมากๆจนสามารถเที่ยวในโฮจิมินห์ตาม List ที่อยากไปได้เกือบครบ จะไม่ครบได้ไงไปที่ไหนๆก็ปิดปรับปรุงหมด อดถ่ายรูปกับลุงโฮเลย ...แต่ความจริงมันคาบเกี่ยวระหว่างเวลาเหลือเยอะ กับไม่มีอะไรเที่ยวเหมือนกัน 555

















ตัดภาพมาตอน 5 ทุ่มเลยละกัน!
เราจะต้องขึ้นรถตู้ที่ Pham Ngu Lao เบียดๆกันไปประมาณ  5  นาที แล้วเค้าก็จะมาส่งที่ริมถนนเพื่อรอขึ้นรถบัสนอนข้ามเมืองอีกทีครับ รถนอนขาไปจะ fix ที่นั่งไว้เลย เรียกได้ว่าเป็นรถนอนที่ใฝ่ฝัน กับกลิ่นตีนที่ฉันถวินหาเลย ยิ้ม !
คือสภาพมันไม่ได้แย่นะครับ สวยงามเหมือนอยู่ในยานอวกาศนาซ่า แต่ที่แย่คือกลิ่นเท้าระดับนานาชาติครับ 555
โชคดีที่ผมได้ที่หลังสุด เลยไม่ค่อยได้กลิ่นเท่าไหร่



นอนหลับแบบลืมความลำบากมาเกือบ 6 ชม.เพราะเหนื่อยมาก ก็มาถึง Da Lat เมืองที่ทำให้เราลืมไปเลยว่าอยู่เวียดนาม
เฮ้ย! ไมหนาวงี้วะ ไมสวยงี้วะ! ไมมันดูยุโรปแบบนี้วะ!
ด้วยความที่ Da Lat เคยเป็นเมืองพักตากอากาศของฝรั่งเศสมาก่อน บวกกับอากาศที่หนาวจนปากสั่นในบางที เลยทำให้เมืองนี้มีความเป็นยุโรปเบาๆเลยล่ะครับ ผมชอบเมืองนี้มาก














แต่มันจะราบลื่นสวยงามตามบรรยากาศเสมือนฟังเพลงคลาสสิคกระดิกเท้าตามจังหวะได้ยังไงละครับ! คนมันจะเฟล นิดๆหน่อยก็ต้องเฟล รอบนี้ยิ้มเฟลนานด้วย เพราะผมดันไปเลือกแพ็คเกจทัวร์ผิด เป็นทัวร์ Country Side จากภาพที่วาดฝัน เดินชมเมืองเก๋ๆ ถ่ายรูปฮิปๆ จิบกาแฟดิปช้าๆ กลายมาเป็นกูต้องไปดูฟาร์มเพาะจิ้งหรีด กับการเลี้ยงหม่อนไหม พร้อมกับฝรั่งที่ทำหน้า amazing มากตอนเห็นคนไทยกินจิ้งหรีดทอด! ...เรียกได้ว่า ไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆครับ 555







ที่ Da Lat ขึ้นชื่อเรื่องกาแฟ มีการปลูกและผลิตหลายแบบมาก
ไกด์บอกว่าตัวที่ขึ้นชื่อสุดคือ WEASEL MOKA COFFEE ขวาบนเลยครับ



Da Lat Milk  อีกหนึ่งของดีที่ไม่แพ้กาแฟครับ

ขนม Keo To Hong บอกไม่ถูกว่าเหมือนขนมอะไร มันมีแป้งกรอบๆหอมๆที่เหมือนเคลือบไอซ์ซิ่ง ข้างในสอดไส้ด้วยน้ำตาลปั้นยืดๆ
มะพร้าวขูด เส้นๆเหมือนสายไหม ราดนมข้น โคตรดี!!! อันนี้เจอขายที่ Da Lat ครับ

โยเกิร์ตเมือง Da Lat หน้าตาดูธรรมดา แต่ว่าอร่อยมากกกกกกกก ต้องลอง

Vina Milk นมที่ขึ้นชื่อของประเทศเวียดนาม หาซื้อได้ตามร้านมินิมาร์ทครับ มีทุกเมือง (แนะนำรสหวาน)



Pizza Da Lat อร่อยดีครับ หาซื้อไม่อยาก เดินแถวๆ Night Market มีเยอะมาก



เวลาผ่านไปไวเหมือนขี้เกียจเขียน! เช้าวันต่อมาหลังจากที่เราออกไปเดินเที่ยวในเมือง Da lat กันอีกรอบ ก็ถึงเวลานั่งรถต่อไป Mui Ne เมืองแห่งทะเลทราย ที่เห็นจากหลายๆรีวิวที่ผ่านๆมาแหละครับ สี่ชั่วโมงกว่า หลังจากรวมเวลาลงไปช่วยเค้ายกต้นไม้ที่ล้มมาขวางทางออก เราก็ถึง Mui Ne โอ้ว! ให้ตายเถอะซูซานนน นี่กูอยู่พัทยาหรอ ไม่สิ พัทยามันต้องมีแสงสีกว่านี้ 555
ซึ่งตรงนี้แหละครับ ที่ผมไม่ได้ทำข้อมูลเรื่องรถ Jeep มาเลย ก็เลยเช่ากันไปตามที่พนักงานท่ารถเสนอมา หารู้ไหมว่า...ภาพฝันที่วางไว้กำลังจะพังลง

ตี 4.30 ! คือเวลาทัวร์ของเรา ...นี่กูมาเที่ยวหรือเข้าค่ายรด.วะ
ทะเลทรายขาวๆ...กับรถ Jeep เท่ๆ...ยิงย้อนแสงให้เป็น Lim Light นิดๆ...หรือจะ Group Shot บนแนวสันทรายดี เตรียม Reference ไว้ทั้งคืน!
ตัดภาพมา! ตี 5.30 กับกองทรายที่รถ Jeep มาส่งทิ้งไว้แถมเสียตังค์เพิ่มอีก เมฆก็บัง ฟ้าก็ยังไม่สว่าง ให้กูตื่นมาทำไรเนี่ยยยย!!! แต่นั่นก็เหมือนพระเจ้าลองใจ ว่าเจ้าสมควรจะได้เห็น White Sand Dunes ทะเลทรายขาวแห่งมุยเน่ไหม หลังจากที่รถ Jeep ซิ่งพาเราไปอีกที่หนึ่ง เราก็ได้พบกับเนินทรายสีขาวขนาดใหญ่ที่ทอดไกลสุดลูกหูลูกตา พร้อมกับแสงแดดที่ส่องลงมา (ตอนที่กูจะกลับแล้ว) ดี!!! อะ แต่ก็ยังไม่ได้รับรู้ว่ามันสวยจริงๆวะพอแดดออก

นี่เป็นรูปเดียวที่ผมถ่ายไว้ตอนแดดออก ก่อนจะต้องขึ้นรถไปอีกที่



หลังจากชะโงกทัวร์ที่ White Sand Dunes เสร็จก็มาต่อกันที่ Red Sand Dunes ทะเลทรายแดงคู่พี่น้อง ที่เชื่อว่าอีไวท์แซนไม่อยากจะคู่ด้วย เพราะภาพแรกที่ผมมาถึง เพลงพี่เบิร์ดก็ดังขึ้นมาในหัว “ฉันมาทำอะไรที่นี่...” นี่มันกองทรายก่อสร้างชัดๆ แต่อาจจะเพราะผมไปช่วงที่ฝนเพิ่งตกเสร็จด้วยละครับ คิดในแง่ดี

จบการเล่นทราย เราก็ไปเล่นน้ำกันต่อที่ Fairy Stream ธารน้ำที่ข้างทางเป็นต้นไม้และผาหิน ถ้าใครนึกไม่ออกให้นึกถึงร้านอาหารที่ให้นั่งแช่เท้าในน้ำแถวนครนายกได้ ฟีลคล้ายกันครับ แต่อันนี้จะได้ฟีลพจญภัยในธรรมชาติกว่าสนุกดี ที่สำคัญยังมีแก๊งค์น้องคนไทยใส่ธีมชุดขาวไปถ่าย Group Shot น่ารักๆให้แอบมองด้วย ผมชอบนะ...สรุปว่าชอบวิว หรือชอบน้องวะ 555








ดมกลิ่นเท้าเข้าโฮจิมินห์กันอีกรอบ กับรถนอนเข้าเมือง...
หลังจากนี้ก็ไม่ค่อยได้ถ่ายอะไรแล้วครับ ถ้าพูดให้เท่ๆก็คงจะบอกว่า “ผมอยากดื่มด่ำกับโฮจิมินห์ในวันสุดท้ายให้มากที่สุด”
แต่ถ้าเอาความจริงคือ เหนื่อย! ไม่รู้จะถ่ายไรแล้ว! จะไปกินเบียร์ที่ Pham Ngu Lao โวยย! 55555 ทำไมมัน Drak Side งี้วะ!
เอาเป็นว่าสำหรับผมทริปเวียดนามใต้ครั้งนี้ ไม่ได้แฮปปี้ขนาดนั้นหรอกครับ แต่มันก็ไม่ได้แย่นะ มีหลายมุมที่ผมชอบเวียดนามอยู่ไม่น้อยเลย ที่นี่ของโคตรถูก! กินดีอยู่ดีมาก  ที่นี่ Café เยอะ กาแฟอร่อย แม้จะได้นั่งไปแค่ร้านเดียว เสียดายมาก  ที่นี่ชิลฟีลดี มีอะไรแปลกหูแปลกตาให้เราเห็นมากมาย เพียงแค่เราเข้าใจและปล่อยใจไปสิ่งกับรอบๆตัวของที่นั้นๆ ทีนี้มันจะดีจะร้ายยังไง มันก็คือ Good Experience เสมอ  


Xin Chào
______________________________________
ฝาก page เล็กๆกับ ig น้อยๆของผมด้วยครับ
มาพูดคุยกันต่อได้นะครับ : )

FB : BOM AND JOURNEY
IG : BOM.NN
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่