แชร์ประสบการณ์ การได้มาทำงานในต่างประเทศ คะ

แชร์ประสบการณ์ การทำงานในต่างแดน อาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่เข้ามาถามว่าจะเป็นไปได้ไหมที่จะสามารถไปทำงานในต่างประเทศได้ ประสบการณ์ของเราและสามีคล้ายกัน เพราะเราเรียนจบที่เดียวกัน สาขาเดียวกันและทำงานด้วยกัน มีแค่โปรเจคแรก ๆ เท่านั้นเองที่เราไม่ได้ทำงานด้วยกัน เราจะเล่าแบบคร่าวๆนะคะ

เราและ สามี จบ ปวส.แผนกสถาปัตยกรรม จาก วิทยาลัยเทคนิค ในต่างจังหวัด ซึ่งสภาสถาปนิก รับรองหลักสูตร (ต้องบอกเพราะเราจะสามารถสอบใบประกอบอาชีพได้) เราเริ่มทำงานหลังจากเรียนจบในจังหวัดของตัวเอง ได้ประมาณ 1 ปี แล้วรู้สึกเงินเดือนน้อยมาก ณ ตอนนั้น ได้เงินเดือน x,000 บาท กับการทำทุกอย่างเลย เขียนแบบ ออกแบบ ออกไปดูหน้างานด้วย เหนื่อยมาก เลยคิดว่าเราควรไปหางานทำใน กทม. เผื่อจะดีขึ้น 55+

ช่วงนั้นกำลังมีการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ และมีรุ่นพี่เราได้ทำงานอยู่ที่นั่น รุ่นพี่ก็เลยพาไปสมัคร และได้เข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานเขียนแบบ เราทำอยู่ Project นี้จนส่ง As-Built เสร็จ และช่วงที่เราทำงานที่นี่  ก็มีบริษัทที่เป็น Sub-contractor ต้องการพนักงานเขียนแบบได้มาถามเราก็แนะนำให้แฟนเรา ซึ่งตอนนั้นทำงานอยู่ต่างจังหวัดมาทำ แฟนตกลงมาทำ พอมาทำก็ถูกส่งไปอยู่ที่ ฮ่องกง ทำ Shop Drawing งาน Check-in Counter และ ป้ายบอกทางต่างๆ ที่สนามบินฮ่องกง และนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการได้ไปทำงานในต่างประเทศของพวกเรา

หลังจากที่สนามบินสุวรรณภูมิสร้างเสร็จ เริ่มมีการปลดพนักงานหรือย้ายไซส์ 1 ในบริษัทที่ร่วมสร้างสนามบิน ได้งาน Project ใหม่ ในประเทศกาต้า ซึ่งเป็นสนามบินที่เป็นส่วนของ Royal Family สามีเราก็ถูกทาบทามให้ไปทำงาน ที่ Project นั้นในตำแหน่ง 3D Cad Operator (พนักงานเขียนแบบ) ก่อนที่จะได้งานคือมีการส่งแบบ 2D มาให้ลองเขียนเป็น 3D ซึ่งแฟนเราตีโจทษ์ ของคนออกแบบได้ถูกเขียน Model ออกมาตรงกับที่เค้าออกแบบไว้ก็เลยได้ทำงานนี้  ก็ต้องลาออกจากงานที่ทำในฮ่องกง และบินไปอยู่ที่กาต้า ส่วนเราพอจบงานสนามบินสุวรรณภูมิก็ได้ทำงานกับ บริษัทที่ทำงาน Reinforcement specialist แห่งหนึ่งในไทย Project ที่ทำก็เป็น Project ของต่างประเทศคะ

ซึ่งตอนนี้เราและแฟนห่างกันมาจะครบ 3 ปีแล้ว เริ่มงอแง เริ่มไม่พยายามจะเข้าใจกันแล้ว เลยมาคุยกันว่าเราจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี ถ้าไม่กลับไทย เราคงต้องเลิกกันแน่ๆ พอดีที่เจ้านายของแฟนเราต้องการคนไปช่วยแฟนเราทำงาน 3D ซึ่งเค้าอาจจะรู้ว่าเรา 2 คนกำลังมีปัญหา 55+ เราเลยได้ไปทำงานกับแฟนเรา ก็ต้องจดทะเบียนสมรสก่อน เพราะเรื่องวัฒนธรรม

เรา 2 คน ทำงานที่กาต้าจนจบ Project บริษัท ก็ให้ย้ายไปทำ Project ใหม่ที่สิงคโปร์ ซึ่งต้องเปลี่ยนตำแหน่ง จาก 3D Cad Operator (พนักงานเขียนแบบ) มาเป็น Design Coordinator และ BIM Coordinator ควบ 2 ตำแหน่งเลย จุดเปลี่ยนของงานก็อยู่ที่สิงคโปร์เลยคะ ต้องเรียนสิ่งใหม่ๆ Software ใหม่ที่เกี่ยวกับงานออกแบบและก่อสร้าง เยอะมากๆ ไม่ได้ใช้ AutoCad เหมือนเดิมแล้ว ต้องเรียนช่วงเช้า พอบ่ายๆต้องทำงาน จนถึง 3-4 ทุ่ม เกือบทุกวัน ชีวิตเหมือนหนูทดลองหน่อยๆ สนุกดี แต่ก็เหนื่อยมาก 3 ปี มีแค่เรียน และ ทำงาน

บริษัทก็ทุ่มเทกับการหาคนมาสอนเรามากๆ จ้างอาจารย์มาสอน จากหลายๆประเทศมาก สอนงาน 3D ,4D ,5D ,6D BIM ( Building Information Modeling) และอีกหลายๆเรื่อง เขียนเอกสารโน่นนี้นั้น แม้กระทั่งการพูด การ Present งาน อีกหลายสิ่ง หาข้อมูลใหม่ๆว่ามีเทคโนโลยีอะไรที่เกี่ยวกับการก่อสร้างเกิดขึ้นมาใหม่ในโลกนี้ แล้วเอามาพูดให้เพื่อนในทีมฟัง ทำวนๆ กันไป

จนพอทำงานได้ดี สามารถเข้าใจ ก็เริ่มสอบเพื่อให้ได้หนังสือรับรองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญใน Software ที่เราต้องใช้ในการทำงาน (ต้องแนะนำเลยนะคะ ว่าอันนี้สำคัญมากๆ ของเราและสามีสอบทุกสาขาที่เราเกี่ยวข้องเลย ถึงเราจะเป็นสถาปนิก เราก็ยังไปสอบของ Structure และ งานระบบด้วย สุดท้ายได้ใช้ในการยื่นขอวีซ่ามาทำงานในยุโรปด้วย)

พอจบโปรเจค แรกที่สิงคโปร์ แฟนเราก็เริ่มโปรเจคที่ 2 คือ สนามบินที่ สิงคโปร์ Terminal 4 พอดีกับช่างที่เราท้อง แล้วก็แท้ง เรา 2 คน เลยลาออก เพราะตอนนั้นเสียใจมาก ก็ได้กลับมาทำงานที่ไทยซักพัก ปีกว่าๆ แต่เรารู้สึกเราไม่น่าจะเหมาะกับการทำงานที่เมืองไทยมากนัก เลยคุยกันว่าเราน่าจะกลับไปทำงานต่างประเทศเหมือนเดิมไหม เหมือนบังเอิญที่เจ้านายเก่าที่เคยทำงานด้วยกันใน กาต้า ส่งข้อความมาถามว่าสนใจจะทำงานด้วยกันอีกรอบไหม ซึ่ง สามีเราไม่คิดเลย ตอบตกลงทันที (อาจจะเพราะกับเจ้านายคนนี้ที่ทำให้เรา 2 คน ได้เรียนรู้เรื่องต่างๆมากมายในสิงคโปร์ด้วยก็ได้ เลยรู้สึกอยากตอบแทนและเจ้านายเราก็เป็นคนดีจริงๆ) ก็เลยได้มาทำงานด้วยกันอีกรอบในประเทศ สโลวาเกีย ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆในยุโรป เป็นโปรเจค ก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ ในตำแหน่ง สถาปนิก และ BIM Specialist  

เราอยากจะบอกว่า เริ่มต้น จนถึง ณ ปัจจุบัน มันใช้เวลานานมากว่า 10 ปี แล้ว จากเด็กเทคนิคฯ ต่างจังหวัด 2 คน  ถ้าเราตั้งใจ และ ทำเต็มที่กับโอกาศที่เราได้รับมันมา ผลมันดีแน่นอนคะ

เรื่องการขอวีซ่า ในการทำงานทุกที่ บริษัทจัดการให้ทั้งหมดนะคะ เราแค่ต้องเตรียมเอกสารตามที่แต่ละประเทศต้องการ
อย่างการขอวีซ่ามาทำงานในยุโรปยากมากสำหรับเราและบริษัท ต้องใช้นักกฏหมายมาช่วยเลย เพราะที่บริษัทไม่มีประสบการณ์ในการพาคนไทยมาทำงานที่ยุโรปเลย ไปสถานทูต จนสนิทกับเจ้าหน้าที่ เลยทีเดียว ...

จบแล้วคะ หวังว่าจะช่วยให้น้องๆหรือคนที่ต้องการมาทำงานในต่างประเทศได้เห็นภาพนะคะ ว่ามันมีโอกาศแน่ๆ ถ้าเราพยายาม และมีลู่ทางที่ดีคะ Connection ที่ดีก็สำคัญมากนะคะ

เป็นกระทู้แรกของเรา ภาษาไทยเราอาจจะ งงๆหน่อยนะคะ ขอโทษด้วยคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่