เพื่อนสมัย ม.ต้น แต่งงาน เราไปงานเดียวเสียเพื่อนทั้งกลุ่ม เพราะ.......

ขอเกริ่นก่อนนะครับ ผมมีเพื่อนสมัย ม.ต้น ที่ค่อนข้างสนิทกัน พอ จบ ม.3 ก็แยกย้าย ไปเรียนต่อ แต่ก็ยังเจอกันบ้าง(บังเอิญเจอและนานๆจะเจอกันที) เพราะบ้านอยู่ในละแวกเดียวกัน  พอเจอกันก็ทักทายกันนิดหน่อย อัพเดทชีวิตกันประโยคสั้นๆ ประมาณว่าตอนนี้ทำอะไรวะ เรียนจบยัง ทำงานอะไรเป็นไงสบายดีไหม?

จนมาวันหนึ่งผมไปอัดรูปที่ร้าน Photo Service ในตลาดแถวบ้าน แล้วบังเอิญเจอเพื่อนคนนี้มาพอดี หลังจากที่ไม่ได้เจอเป็นปีๆ เพื่อนคนนี้มาทำรูปที่จะใช้ในวันแต่งงาน และคุยกันกับผมจากนั้นก็ได้ชวนผมไปร่วมงานด้วย โดยบอกกับผมว่า

" งานนี้ตีมฟ้านะเพื่อน หาชุดหาเสื้อสีฟ้ามาใส่ ไม่ใส่มาไม่ให้เข้างานนะเว้ย (พูดติดตลก(มั้ง)) "

ผมเองก็รับปากว่าจะไป และก็มีโอกาสได้ Add Line กัน เข้ากลุ่มไลน์ เผื่อจะมีอะไรอัพเดทและคุยกันกับเพื่อนคนอื่นๆ พอเข้ากลุ่ม เพื่อนๆก็ดีใจ ที่ได้คุยกับผมอีก และผมเองก็ดีใจที่ได้คุยกับเพื่อนเก่าๆ เพราะตั้งแต่เรียนจบผมก็ไปเรียนต่อที่ต่างจังหวัด ไม่มีโอกาสได้ติดต่อเพื่อนคนอื่นๆเลย

ก่อนงานแต่งเพื่อนก็มีนัดมีทติ้งกับเพื่อนๆในกลุ่ม เพื่อสังสรรค์กัน 2-3 ครั้ง ถ้าผมจำไม่ผิด

ส่วนตัวผมเป็นคนไม่ดื่ม ไม่ดูดอยู่แล้ว แต่ก็ไป เพราะอยากเจอเพื่อนๆ ว่าชีวิตเป็นอย่างไรกันบ้าง งานนี้ก็ไม่มีอะไร เพื่อนๆก็ยังแซวผมเหมือนเดิม ผมก็ไม่ได้คิดอะไร เฉยๆ ขำๆ มากกว่า จบงานนี้ ต่อไปเข้าเรื่องงานแต่ง

ถึงวันงาน ผมไม่ได้ใส่เสื้อสีฟ้า แต่ผมใส่สูทสีกรม หรือน้ำเงินเข้ม ก็ไปเจอเจ้าบ่าว เจ้าสาว ยืนอยู่หน้างาน

คำแรกที่เพื่อนทักคือ

Gloom "guบอกให้ใส่สีฟ้ามามุงจำไม่ได้เหรอ มุงนี่ไม่ใจกับกูเลยว่ะ " << อันนี้ผมไม่รู้ว่าเขาพูดติดตลกหรือปล่าว เพราะดูแล้ว เขาก็ไม่ได้ขำ ก็เลยงงๆ ผมก็เลยถามไปว่า

me " guต้องถ่ายรูปก่อนเข้างานปะวะ "

Gloom " ไปๆ ให้คนอื่นถ่ายก่อน มุงทีหลัง ไม่ได้สีฟ้า " <<<  อันนี้ผมเข้าใจว่า มันไล่ให้เอาซองกับ กล่องของขวัญไปให้โต๊ะของชำร่วยหน้างาน

พอเอาของเก็บ หยอดซอง และรับของชำร่วยแล้ว ก็เดินเข้างานแบบ งงๆ และมีเหมือนเป็นญาติฝ่ายบ่าวสาว ถามว่า " จากไหน "  
ผมก็ตอบไปว่า " โรงเรียน xxxxxxxx  ครับผม " เขาก็ชี้ให้ผมไปนั่งโต๊ะหน้าเวทีสุด พอไปถึง ก็เจอเพื่อน ใส่สีฟ้ามากันหมด ผมก็คิดในใจแล้ว โหซีเรียสกันขนาดนี้เลย พอนั่งสักพัก เพื่อนก็เริ่มคุยกัน หนึ่งในเพื่อนก็พูดขึ้นมาว่า

g: ทำไมมุงไม่ใส่สีฟ้ามาวะ ?
me : ไม่มีว่ะ ไม่ได้ซื้อไว้ แต่ก็ใส่สีกรมนะ สีน้ำเงิน ก็ Blue เหมือนกันนะ แต่มัน Dark Blue
g : ค....เถอะ กวนตี...น เดี๋ยวพอบ่าวสาวเข้างานแล้ว มุงไปนั่งโต๊ะอื่นก่อนนะ 5555
me : สูท Jaspal เลยนะ ซื้อมาตอน Sale เลยนะเว้ย แย่งกับคนอื่นมาเลยนะ
g : ไอควาย เขานัดใส่สีฟ้า เสือ..กทำมาอวดรวย ไปๆๆ..ไปนั่ง-โต๊ะอื่นนู้นนนนน
me : ..................
g: เงียบทำไม เป็นเห้ไร มุงมันไม่ใจว่ะ 555

เพื่อนคนอื่นๆก็ขำๆ

Triggered เลยยยย พอได้ยินคำนี้ซ้ำอีกครั้ง ผมเลยลุกแล้วเดินไปห้องน้ำเพื่อปรับอารมณ์ สงสัยผมจะคิดมากไปเอง มันคงแซวเราขำๆ แต่ก็ไม่สนุกแล้ว เลยตัดสินใจจะกลับ จากนั้นผมก็ไปหน้างาน บอกเพื่อนที่เป็นเจ้าบ่าว ว่าผมขอกลับก่อน ไอเจ้าบ่าวก็พูดกลับมาว่า

                                                                                              
" โชคดี เจอกันเว้ย หรือไม่เจอดีวะ 5555"


เจ้าสาว เขาพูดอะไรสักอย่างประมาณว่าไปพูดแบบนั้นกับเพื่อนได้ยังไง เพื่อนอุตส่าห์มา ก็เถียงกันนิดหน่อย ผมได้ยินว่า
" มันไม่ได้ใส่สีฟ้ามา มันไม่ใจ เดี๋ยวถ่ายภาพไม่ขึ้นนะ งานแบบนี้จัดได้ครั้งเดียวนะ  "


ก็คุยกันไปคุยกันมา เพื่อนมันก็บอกว่าสรุปให้ผมเข้างานไปก่อน แต่ขอให้ไปนั่งโต๊ะอื่น

....ใครจะเข้าล่ะครับ อารมณ์ตอนนั้น ไม่ได้โกรธอะไรนะ แต่งงมากกว่า ว่าทำไมแค่ไม่ใส่สีฟ้าแล้วยังไง ?

ผมตัดสินใจบอกว่าจะกลับ มันก็ตะโกนมาว่า

" เอาซองกับกล่องของมุงกลับไปด้วยนะ ถ้าจะทำแบบนี้ "


..โอ้

คิดว่าผมจะทำหรือปล่าว ???

ผมทำครับ เดินไปขอซองคืน และกล่องของขวัญกลับส่วนของขวัญข้างในคือ แก้วกาแฟ 2 ใบ ที่ผมวาดและสกรีนลายให้เเจ้าบ่าวและเจ้าสาวครับ

เรื่องมันเกิดอีกตรงที่ ตอนขอซองผมไม่ได้เอามือล้วงเข้าไปในกล่องเก็บซอง ผมขอให้ญาติเจ้าบ่าวสาว เป็นคนเอาซองมาให้ ซึ่งว่าจะไม่เอาเพราะว่ามันน่าเกลียด แต่แล้วเพื่อนที่เป็นเจ้าบ่าวเดินมาบอกญาติๆให้ถามผมว่าใส่ไปเท่าไหร่และก็ควักเงินสดให้

ผมก็เดินคอตกกลับบ้าน พร้อมกับอาการมึนงง

หลังจากวันแต่ง ผมก็โดนเขี่ยออกจากกลุ่มไลน์

ผมข้องใจมาก ก็ไปสืบๆส่องๆได้ความมาว่า ผมเนี้ยไปล้วงเงินคืนจากซองใส่กล่อง และพูดจาอวดรวยกับเพื่อน เบ่งใส่เพื่อน พูดจาไม่ดีกับญาติๆของเจ้าบ่าวในงาน

ว่าแต่..แค่ผมไม่ใส่ชุดที่เข้ากับตีมงาน มันผิดมากเหรอครับ ?

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นมาสักพักใหญ่ๆแล้วครับ

****************************เพิ่มเติมนะครับ**********************************************


- ตีมสีฟ้า เป็นความคิดของเจ้าสาวครับ เพราะเห็นในงานเพื่อนเจ้าสาวสีเดียวกันหมด ชุดเดียวกันหมด น่าจะมาจากร้านเช่าชุดร้านเดียวกัน ซึ่งคิดว่าตัวเจ้าบ่าวอยากจะเอาใจภรรยาครับ

- ทำไมผมไม่ใส่สีฟ้า ? เพราะว่าผมไม่ชอบสีฟ้าครับ ไม่เคยซื้อเสื้อสีฟ้าไม่มีในตู้เสื้อผ้า และไม่ได้คิดว่าจะซีเรียสกันขนาดนี้

- ในกลุ่มไลน์ ไม่มีการย้ำชัดเจนว่าต้องใส่สีฟ้า โดยมากคุยแต่เรื่องบอล กับ ร้านเหล้า เป็นส่วนใหญ่ ครับ

- เรื่องไปขอซองคืน ผมแปลกใจตรงที่มีคนเชื่อว่าผมไปล้วงจากกล่องใส่ซอง เพราะว่าลักษณะของช่องใส่ซองมีขนาดเล็ก พอแค่หยอดธนบัตร ไม่สามารถเอามือล้วงลงไปได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นมือเด็กเล็กก็ตาม

- ตอนที่เดินไปขอซองคืน ตอนแรกผมไม่ได้เป็นฝ่ายขอเงินคืน คือตัวเจ้าบ่าวบอกให้ผมไปเอาเงินคืน ในตอนนั้นมีเวลาตัดสินใจแค่ไม่กี่วินาทีหรอกครับ ผมรู้สึกผิดหวัง และงงๆ คือ ผมไม่ใจเองครับ ที่ทิ้งเงินหลักพันให้กับเพื่อนแบบนี้ไม่ได้ เพราะในใจลึกๆ ตอนแรก ผมก็คิดไว้อยู่แล้วว่า เขาไม่ได้เชิญ แค่บังเอิญเจอ เลยชวนเป็นมารยาท เจตนาผมก็แค่อยากมาแสดงความยินดี และอยากเจอเพื่อนเก่าๆ

- ตอนคุยกับทางญาติของคู่บ่าวสาว ด้วยอารมณ์ตอนนั้นแล้ว ผมอาจจะใช้น้ำเสียงที่ไม่รื่นหูเท่าไหร่ ห้วนๆ ผู้ฟังอาจจะเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นเด็กก้าวร้าว ก็เป็นได้

- ผมรู้สึกอึดอัดใจ ไม่สบายใจเลยขอกลับก่อน ซึ่งผมคิดว่าการขอกลับก่อน ก็ต้องควรจะเดินไปบอกลา แต่ก็กลายเป็นเรื่องเป็นราวกันไป

- สาเหตุที่มาตั้งกระทู้ เพราะเห็นกระทู้ดราม่าเรื่องแต่งงานที่เกี่ยวกับชุดตีม มันเลยสะกิดใจผม ผมแค่อยากเล่า และอยากรู้ว่าการใส่เสื้อผ้าไม่เข้ากับตีมที่กำหนด มันร้ายแรงขนาดเลิกคบเพื่อนได้เลยหรือ ?



edited แก้ไขคำผิดครับ

edited ครั้งที่สอง เพิ่มเนื้อหาครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ผมละเบื่อจริงๆ บังคับให้ใส่สีนู่นสีนี่ กลัวงานไม่สวย ไม่เข้าธีม แขกเค้ามาร่วมแสดงความยินดี ไม่ได้มาเป็นวอลเปเปอร์ให้งานคุณ อย่าเยอะ อย่ามาทำให้แขกลำบาก ถ้าอยากให้เพื่อนใส่สีไหนควรตัดชุดให้เค้าเลย ลงทุนหน่อย ไอ้เพื่อนจขกท.นั่นแหละไม่ใจ งบน้อยแต่อยากได้รุ่นท็อป เลิกๆคบไปก็ดี เพื่อนดีๆสักคนมีค่ามากกว่างานแต่งไร้สาระตั้งเยอะ
ความคิดเห็นที่ 25
คือถ้าเพื่อนสนิทกันเพื่อนกันจริง

ไม่มีใครมาคิดแบบนี้ครับ

แค่มางานมันก็น่าดีใจยิ้มแล้วครับ

ผมจำได้ไปงานแต่งเพื่อนสนิทคนนึง

คือวันนั้นผมติดธุระสำคัญมาก บอกมันไปไม่ได้

มันบอกมาเหอะงานเลิกดึกกูรอ

วันนั้นผมเสร็จธุระตอนสองทุ่มครึ่งโทรศัพท์ดังขึ้น เจ้าบ่าวโทรตามบอกมายัง

ผมตอนนั้นคือไม่ได้แต่ตัวพร้อมไปงาน เพราะเนื่องจากเดินทางกลับจากต่างจังหวัด ไปเดินป่ากับพี่ชาย ครั้นจะแบกสูทไปกับเป้เดินป่าก็ลำบาก ก็ถึงได้ปฎิเสธเพื่อนแต่แรกว่าไม่ว่าง เพราะถ้าไม่ไปเดินป่ากับพี่ พี่ก็งอนอีก

ผมบอกไปตามจริง เพื่อนบอกมาเหอะกูรอ

ถึงหน้างานเพื่อนผมอีกคนรออยู่ มันเอาสูทมาให้ยืมใส่ แล้วบอกว่า เจ้าบ่าวไปหามาให้เพราะรู้นิสัยผมว่าจี้เกรงใจ ถ้ามาแบบไม่เรียบร้อยผมก็ไม่เข้างาน

ผมนี่อึ้งเลย เจอมันนี่มันทำหน้าดีใจบอกเออขอแค่ยิ้มไม่แก้ผ้ามางานกะรูก็พอแล้ว

ผมหัวเราะถ่ายรูป มันมีแซวด้วย อันนั้นสูทพ่อกรู คิดค่าเข่าสองพัน

คือผมไปทุกงานของเพื่อนที่สนิทกัน ยิ่งเพื่อนมัธยมนี่คือเจ้าภาพนี่บอกขอให้มาเหอะ ไม่มานี่จะโกรธมากกว่าอีก
ความคิดเห็นที่ 9
ใจหายใจคว่ำ   กลัวว่าคุณจะไม่เอาซองกับของขวัญ คืนไป
ความคิดเห็นที่ 50
อ่านกระทู้ อ่านโพสแล้ว

เออเว้ย.. สังคมนี้ มันมีคนให้ความสำคัญกับสีเสื้อมากกว่ามิตรภาพ จริง ๆ

วันหลัง ถ้าจะให้ดี ก็ควรเขียนไปในซอง หรือ บอกไว้หน้างาน เลยว่า "ไม่ตรงธีม ไม่ให้เข้า"

คนไปงานแต่งตัวสุภาพ เขาเสียทั้งเงิน ทั้งเวลา บางคนเสียค่าเครื่องแต่งกายและค่าทำผมแต่งหน้า แค่นี้ บ่าวสาวที่พอมีสมอง ก็น่าจะคิดได้ว่า เขาให้เกียรติคุณอย่างมากแล้ว

ถ้าผมเป็น จขกท. จะคอสเป็นโดเรม่อน ไปยืนกลางงานแม่มเลย
ความคิดเห็นที่ 5
เจ้าสาวน่าสงสาร แต่งงานกับผู้ชายแบบนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่