ไม่ต้องห่วง...
รอบนี้ไม่มีเรื่องเหวอๆแบบ "เจอผี...ที่เวียงจันทร์" เพราะมันไม่ใช่ประสบการณ์ตรง ใครอยากได้โหดๆ คงแนะนำให้ไปอ่านเจอผี...ที่เวียงจันทร์
กระทู้นี้ก็เหมือนเป็นธรรมเนียมแล้วที่พออัพรีวิวท่องเที่ยวไปก็จะมีคนขอบังคับให้เล่าเรื่องผีให้ฟัง ก็ก่อนอื่นต้องกราบขอบคุณที่ทุกคนให้การต้อนรับ การติดตามมามากมายจนผมแทบอยากจะถวายตัวเป็นบ่าวในเรือนเบี้ยรับใช้ทุกคนเสียจริงๆ ขอบคุณที่รักกันจากกระทู้เหล่านี้ครับ...
“ภูกระดึง” (เกือบ)ถึงที่ตาย!!! >>
https://pantip.com/topic/39622790
"นั่งรถไฟไปดู..."ผี"...ที่เชียงดาว">>
https://pantip.com/topic/37548826
"ปีนัง...ปัง! ปัง! โป๊ะ!">>
http://pantip.com/topic/35690354
“ดราม่า!...หลวงพระบาง” >>
http://pantip.com/topic/34466332
“แบกเป้ลำพัง...ไปลาววังเวียง” >>
http://pantip.com/topic/33074302
“เจอผี...ที่เวียงจันทร์” >>
http://pantip.com/topic/33113878
เพื่อความสนุกก็ขอให้อ่านในมุมของความบันเทิงนะครับ...เชื่อไปเลยว่า “ผีแม่มมีจริง!!!” เชื่อไปเลยว่าสิ่งเร้นลับมันอยู่ใกล้คุณ มันอาจจะไปต่อคิวซื้อไอโฟน ไปตะโกนเชียร์นักร้องเกาหลีที่มาไทย อะไรก็ได้ เชื่อๆไปเหอะ อ่านจบค่อยเลิกเชื่อก็ได้ จะได้สนุกๆเนอะ 555+
ส่วนใครที่ถามถึงFacebookผม ก็ลงในรูปตัวเท่ากำแพงเมืองจีนแต่รู้สึกหลายคนจะขี้เกียจพิมก็นี่เลยครับ
http://www.facebook.com/nipon.satupan ก็ไปคุย ไปเล่น ไปเกาคาง ไปเป็นภาระผมก็ได้ เอาที่สบายใจ
ส่วนเรื่องนี้ก็เป็นประสบการณ์ถากๆของผม (คือประสบการณ์ตรงบ้างบางเหตุการณ์ เฉียดๆบ้างทำนองนี้) จากเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว
ใครที่เคยอ่านรีวิวและกระทูก่อนหน้านี้ น่าจะชินกับวิธีเล่าเรื่องของผมดี
เอาล่ะนะ...พร้อมล่ะนะ...งั้น...ปิดไฟ...แล้วไปฟังกันเลย!!!
“ พุท โธ ทา ยะ ”
“ พุท โธ ทา ยะ ”
“ พุท โธ ทา ยะ ”
จำได้รึยังครับ...ถ้าคุณจำได้แล้ว...ขอแสดงความยินดีด้วยนะ
คุณ...เพิ่งจะจำ... “คาถาเรียกผี”...ได้ขึ้นใจ
...
เรื่องมันเริ่มจากบ่ายวันหนึ่ง ซึ่งอุณหภูมิพุ่งขึ้นถึง 40 กว่าองศา จนน้ำในคลองแสนแสบตรงหน้าแทบจะระเหยเป็นไอ
แต่...กรมอุตุนิยมวิทยาในประเทศที่สามประเทศนึงที่ต่อมรูขุมขนพิการจนไม่รู้สี่รู้แปดก็ยังยืนยันให้มั่นใจ ว่าประเทศไทย...เข้าสู่...หน้าหนาวเต็มตัว
ผมหนีตายจากทะเลทรายแถวอนุเสาวรีย์ชัย แล้วเข้ามาหลบตากแอร์ในร้านกาแฟร้านนึง ก่อนจะพบกับพวกพี่ๆที่เคยรู้จักกันโดยบังเอิญ แน่นอนว่า...ผมควรเดินไปสั่งกาแฟ เพราะถ้าแกล้งเนียนๆมานั่งตากแอร์ ก็อาจจะถูกแม่ค้ากระโดดถีบยอดอกโชว์ลูกค้าทุกคนในร้านได้
เรา4คนนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วๆไป ใครทำงานอะไรที่ไหน ผมไปเที่ยวลาวมาเป็นยังไง ทำไมจู๊อากงห้ามปลูกไว้ใกล้บ้าน (ไม่สงสารอาม่าเลยเหรอไง?)
จนรุ่นพี่คนนึงในกลุ่มเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอมือถือ และถามถึงเรื่องเล่าลือที่เป็นกระแสแชร์ผ่านโลกโซเชี่ยลชนิดที่ว่าวัวตายความล้ม ถล่มทลายและถามว่าใครรู้เรื่องที่ “มีผีโทรมาเล่าในรายการ The Shock” บ้างมั้ย เรานั่งแลกเปลี่ยนข้อมูลกันพักใหญ่ แล้วหัวข้อสนทนาของเราก็เปลี่ยนไป...
“เรามาเล่าเรื่องผีกันดีมั้ย?”
ไม่รู้ทำไม...ทั้งๆที่ด้านนอกร้านนั้น ร้อนอย่างกับซ้อมเดินบนดวงอาทิตย์ทั้งวัน และแดดแรงแยงตาจนแทบจะเป็นต้อกระจกกันทั้งร้าน แต่โต๊ะของเรา4คนกลับดูเหมือนนั่งอยู่ในงานล้างป้าช้า
แอร์ที่เย็น...ก็เย็นขึ้นกว่าเก่า เสียงคนรอบๆที่วุ่นวายก็ดูเบาจนแทบไม่ได้ยินเสียงใด
เรา4คน...พลัดกันเล่าเรื่องของแต่ละคนไป...จนถึงตาผม...
เอาล่ะ...พร้อมรึยัง...ผมจะนั่งเล่าให้ฟังล่ะนะ...
เรื่องมันมีอยู่ว่า...
...
มันเป็นประสบการณ์ที่เกิดมาได้เกือบ 20 ปี มันเป็นยุคที่ไม่มี Youtube ไม่มี Facebook ความสุขเพียงอย่างเดียวของเด็กทั่วไปในตอนนั้น ก็คือการออกจากบ้านมาสุมหัวกัน ปั่นจักรยานผ่านหน้าบ้านชาวบ้าน โดยเอาขวดพลาสติกยัดไว้ในล้อหลังตรงอาน ให้เสียงมันดังๆจนชาวบ้านเค้าสรรเสริญเยินยอ
ทุกที่ที่เราผ่านไปก็จะมีหลายๆคนให้ความเอ็นดู คอยไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบตลอดเวลา
“พ่อเมิงตายรึไงว่ะ!...ระวังตัวให้ดีเถอะเมิง!”
นั่นไง...เค้าเป็นห่วงเป็นใย บอกให้เราคิดถึงระวังดูแลตัวเองเอาไว้ให้ดีดี
และแน่นอนว่า...กิจกรรมบั่นทอนสติปัญญาแบบนั้น ลูกคุณหนูผิวพรรณดี มีชาติตระกูลแบบผมนั้น ไม่มีทางที่จะ.......พลาด! (อ้าว...!)
ก็ในสมัยนั้นมันไม่มีไอโฟนไม่มีไอแพดรึเกมส์อะไรนี่นา ที่เด็กรุ่นผมทำได้ก็ปั่นจักรยาน เล่นซ่อนหา อะไรก็ว่ากันไป และอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์หลังจากปั่นจักรยานจนเหนื่อยพอตกเย็น เมื่อโลกเริ่มมองไม่เห็นแสงอาทิตย์ สมัยนั้นผมคิดว่า ไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก รายการนึงที่จะมาทุกๆวันหลังเคารพธงชาติทุก 6 โมงเย็น
เอ่อ...ไม่ใช่รายการที่คุณเห็นคุณลุงหน้าตาใจดี
ที่พร้อมจะทุ่มโพเดี่ยมใส่คนที่ถามแน่ๆ...สมัยนั้นยังไม่มี
รายการที่ผมจะพูดถึงนี้ก็คือรายการ... “ลูกนกฮูก”
ลูกนกฮูก เป็นรายการ “ละครวิทยุ” ที่ออกอากาศจันทร์-ศุกร์ ทางวิทยุ AM ซึ่งจะเป็นรายการเกี่ยวกับเรื่องผี วิญญาณ สยองขวัญสั่นลิ้นปี่ ที่บอกได้เลยว่าไม่มีใครไม่รู้จักรายการนี้ ดังพอๆกับ Nighty Shock สมัยที่พี่ป๋องยังหัวไม่เถิก
เด็กๆหลายๆคนในซอยก็จะมานั่งจับกลุ่มล้อมวงกันฟัง โดยเรื่องที่ฟังในวันนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับ “ผีถ้วยแก้ว” พอรายการจบ “ไอ่อ้วน” (นามสมมติ) หัวโจกในกลุ่มผม ก็อาศัยอำนาจตามมาตราของมันเอง ประกาศกฎอัยการโดยไม่เกรงกลัวต่อประชามติในกลุ่มให้ในวันพรุ่งนี้...
“เราจะเล่น...ผีถ้วยแก้วกัน”
ไอ่อ้วนหันมาที่ผมและบอกว่า... “แอส...เมิงวาดรูปเก่ง งั้นเมิงไปทำกระดานผีถ้วยแก้วมา”
ผมถลกแขนเสื้อ ลุกขึ้นคัดค้าน เพราะว่าในละครที่ฟังตอนจบนั้น... “คนเล่นตาย” ไม่มีทางที่ผมจะเอาชีวิตอันมีค่าและเป็นความหวังของต้นตระกูลสาธุพันธ์ไปเสี่ยงง่ายๆ
ไอ้อ้วนหันมา...มีนัยยะเชิงข่มขู่ทางสายตา
ผมลุกขึ้น!...ตะโกนใส่หน้ามันสุดเสียงว่า!...
“ได้...”
ผมตอบตกลงง่ายๆ ด้วยความดังไม่เกิน 0.75 เดซิเบล
แน่ล่ะ...ใครจะไปวัดกับขาใหญ่อย่างมัน หุ่นอย่างกับแจ็คแฟนฉัน นี่บอกตรงๆไม่รู้แม่มันให้กินข้าวหรือล่อตอม่อสะพานลอยแทนอาหารเช้า ตัวถึงได้ใหญ่ขนาดนี้ ผมเองแค่ป.3 ป.4 หุ่นก็แห้งอย่างกับโนบิตะตอนแพ้น้ำยาล้างจานยังไงยังงั้น มีเรื่องกับมันมีหวัง...ได้โดนกระทืบไส้แตกไปนอนเฝ้าพระอินทร์ที่วัลฮาร่าแน่ๆ
คืนนั้น...ผมใช้เวลานั่งวาดกระดานผีถ้วยแก้วตามคำสั่ง...
บางที...ถ้าผมรู้ว่ากระดานผีถ้วยแก้วที่ผมนั่งทำ จะนำผมไปเจอเรื่องบานปลายขนาดนั้น...
การยืนให้ไอ้อ้วนกระทืบ...มันอาจจะดีซะกว่า
กระดานผีถ้วยแก้วจะประกอบไปด้วย พยัญชนะ ก – ฮ ตัวเลข 0 – 9 ใช่ – ไม่ใช่ ทางเข้า ทางออก สระ และที่จะขาดไม่ได้ก็คือ “บ้านพัก” เพื่อใช้พักในช่วงคำถามที่ผีเริ่มเหนื่อย (?!)
วันถัดมา เราก็เอามานั่งเล่นกัน มั่วๆซั่วๆเรื่อยเปื่อย ตามภาษาเด็กไม่รู้ เป็นการทำเรื่องสยองขวัญได้ดูปัญญาอ่อนมาก แตะแก้วกันเป็นสิบชีวิต คิดอยากจะถามอะไรก็ถาม “ไอ่ตูนขรี้แตกจริงมั้ย?” “แฟนน้องกิ่งเป็นใคร” “ผู้ว่ากทม.หายไปไหนช่วงน้ำท่วม” (เอ่อ...อันนี้นั่งไทม์แมชชีนไปถาม 555+)
เที่ยงวันนั้น...การเล่นผีถ้วยแก้วแห่งชาติก็ผ่านไป ต่างคนต่างแยกย้าย
แต่...ในเย็นวันนั้น ไอ้อ้วนก็ได้มาหาผมและขอยืมกระดานไปให้ “พี่บี” (นามสมมติ) เค้าจะเอาไปเล่น เค้าบอกที่ผีไม่เข้าเพราะพวกเราเล่นกันไม่เป็น
“มันต้องมี...คาถา”
5 โมงเย็นวันนั้น พี่บีและเพื่อนๆก็นั่งรออยู่ที่ใต้ถุนบ้านพี่บี ซึ่งเวลานี้ใกล้จะมืดเต็มที แต่ยังพอมีแสงสีส้มลอดผ่าน ร่องไม้ชั้นบนลงมาพอให้มองเห็น
พี่บีหยิบธูปมา 1 ดอก แล้วเอาธูปวนใต้แก้วให้ควันธูปไหลกรอกเข้าไป ก่อนจะคว่ำแก้วลงบนกระดานไม่ให้ควันไหลออกมา พี่บี เพื่อนอีก2คน และไอ้อ้วน เอานิ้วแตะลงบนก้นแก้วเบาๆ และเริ่มท่องคาถา...
“ พุท โธ ทา ยะ ”
“ พุท โธ ทา ยะ ”
“ พุท โธ ทา ยะ ”
โดยท่องสลับกันคนละคำ จนครบ 3 รอบ ก่อนที่พี่บี จะเอาธูปที่จุดปักลงกับพื้น...
แก้ว...ไม่ขยับใดๆ...จนผ่านไปเกือบ 5 นาที
ตู้มมมมมม!!!
อยู่ดีๆ...ก็มีสิ่งหนึ่งพุ่งลงมาที่กลางโต๊ะพิธี...
ทุกคนกระโดดออกจากวงด้วยความตกใจ!...พร้อมกับมีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง!...
“ผีแม่มไม่ว่าง กำลังนั่งวินมาป่าว แก้วเมิงเล็กไปมั้ง ผีมันเข้าแล้วอึดอัดนะ เมิงใช้ขันดีกว่า 555+” พี่แว่น (นามสมมติ) เพื่อนพี่บี พี่แว่นแกล้งโยนหนังสือลงกลางกลุ่มและตะโกนลงมาจากชั้น 2 พร้อมกับมองลงมาด้วยเสียงหัวเราะสะใจ
กายเนื้อผมยืนอยู่ตรงนี้...แต่กายทิพย์ผมนี่ กระโดดขึ้นไปถีบปากพี่แว่นไป3ทีแล้ว เล่นบ้าอะไรว่ะ ตกใจหมด!!!
“ไอ่แว่น งั้นเมิงลงมานี่เลยนะ เมิงบอกเบญจเพศอยู่ใช่ม่ะ งั้นเมิงมาเปลี่ยนกับน้องกูเลย” พี่บีตะโกนเรียกพี่แว่น ก่อนที่พี่แว่นจะเดินลงมา
ผมดูนาฬิกาใกล้เวลาการ์ตูนเรื่องโปรดจะมา เลยขอกลับบ้านก่อน ไอ้อ้วนที่ตอนนี้ไม่ได้เล่น ก็ขอกลับพร้อมกัน
ระหว่างที่หันหลังกลับออกมานั้น...
ผมเห็น... “คนที่...5”
มีใครอีกคน นั่งอยู่ในกลุ่มที่ผมเพิ่งจะเห็นและไม่รู้ว่าเป็นใคร กำลังยืนอยู่ข้างพี่แว่นด้านหลังไหล่ และเหมือนตั้งใจจะเลื่อนมือยื่นไปแตะแก้ว นาทีนั้นผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว ก็...คงเป็นเพื่อนของพี่บีอีกคนนึง
...
เย็นวันถัดมา...ไอ่อ้วน ผม และเพื่อนอีก2-3คนก็มานั่งรอที่จะดูพวกพี่บีเล่นผีถ้วยแก้วอีกครั้ง เพราะไอ่อ้วนบอกว่าเมื่อวานหลังจากเรากลับพวกพี่เค้านั่งเล่นกันแล้ว...
มีผีเข้ามาในแก้ว
พอไปถึงบ้านพี่บี...ก็เห็นพวกพี่บีพี่แว่นและเพื่อนผู้หญิงอีก2คนกำลังนั่งดื่มเหล้า พี่แว่นบอกว่ารอให้มืดกว่านี้ค่อยเล่นเดี๋ยวผีไม่เข้ามา แดดมันแรง กลัวผีแสบตา
ผมมองไปเห็นแก้วเป๊กสั้นๆที่พวกพี่เค้าเอามากระดกเหล้ากัน...
มัน...เป็นแก้วเดียวกับที่ใช้เล่นผีถ้วยแก้วรึเปล่านะ
ไม่หรอก...ใครมันจะบ้าเอาของแบบนั้นมาใช้ มันคงเป็นอะไรที่ดูลบหลู่ตายล่ะ จริงม่ะ
ครึ่งชั่วโมงถัดมา...พี่แว่นยกแก้วเป๊กเหล้าเทใส่ปาก ก่อนจะลากกระดาษผีแถ้วแก้วมา และ...วางแก้วลงไป
ชัดเลย...
พี่บี พี่แว่น และเพื่อนผู้หญิงอีก 2คน รวมเป็น 4 คนเริ่มทำพิธี
“อ้าว...พี่บี พี่ไม่รอเพื่อนที่นั่งกับพี่อีกคนเหรอพี่ สรุปมันต้องเล่น 4 หรือ 5 คน” ผมชิงถามด้วยความสนใจปนสงสัย เพราะภาพที่ผมเห็นคนที่ 5 ในเมื่อวานยังติดตา
“ไอ้บ้า...ผีถ้วยแก้วที่ไหนเล่น 5 คนว่ะ เค้าเล่นแค่ 4 เมิงเห็นผีแล้วล่ะ” พี่แว่นพูดสวนออกมาทั้งเสียงหัวเราะเพราะคิดว่าผมคงแซวโดยไม่ได้คิดอะไร
แต่...ผมไม่ขำ
เพราะผมมั่นใจ ถึงจะไม่ได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ แต่เมื่อวานผมเห็นคนที่ 5 แน่ๆ
หรือ...ที่คนเฒ่าคนแก่เค้าว่าไว้มันจะเป็นเรื่องจริง
ผี...ไม่ได้อยู่ในแก้ว
แต่... “มันอยู่ข้างนอก แล้ว...ดันแก้วจากข้างหลังใครสักคน”
หลังจากวินาทีนี้ไป...จะมีใครคนนึง...
ที่เหตุการณ์นี้...จะถึงกับทำให้ชีวิตที่เหลือของเค้า
เปลี่ยนไป...ตลอดกาล...
คนที่...5 (จากผู้เขียน..."เจอผี...ที่เวียงจันทร์" กระทู้สยองขวัญเต็มรูปแบบเพื่อแสดงความขอบคุณทุกคน)
ไม่ต้องห่วง... รอบนี้ไม่มีเรื่องเหวอๆแบบ "เจอผี...ที่เวียงจันทร์" เพราะมันไม่ใช่ประสบการณ์ตรง ใครอยากได้โหดๆ คงแนะนำให้ไปอ่านเจอผี...ที่เวียงจันทร์
กระทู้นี้ก็เหมือนเป็นธรรมเนียมแล้วที่พออัพรีวิวท่องเที่ยวไปก็จะมีคนขอบังคับให้เล่าเรื่องผีให้ฟัง ก็ก่อนอื่นต้องกราบขอบคุณที่ทุกคนให้การต้อนรับ การติดตามมามากมายจนผมแทบอยากจะถวายตัวเป็นบ่าวในเรือนเบี้ยรับใช้ทุกคนเสียจริงๆ ขอบคุณที่รักกันจากกระทู้เหล่านี้ครับ...
“ภูกระดึง” (เกือบ)ถึงที่ตาย!!! >>https://pantip.com/topic/39622790
"นั่งรถไฟไปดู..."ผี"...ที่เชียงดาว">>https://pantip.com/topic/37548826
"ปีนัง...ปัง! ปัง! โป๊ะ!">>http://pantip.com/topic/35690354
“ดราม่า!...หลวงพระบาง” >>http://pantip.com/topic/34466332
“แบกเป้ลำพัง...ไปลาววังเวียง” >> http://pantip.com/topic/33074302
“เจอผี...ที่เวียงจันทร์” >> http://pantip.com/topic/33113878
เพื่อความสนุกก็ขอให้อ่านในมุมของความบันเทิงนะครับ...เชื่อไปเลยว่า “ผีแม่มมีจริง!!!” เชื่อไปเลยว่าสิ่งเร้นลับมันอยู่ใกล้คุณ มันอาจจะไปต่อคิวซื้อไอโฟน ไปตะโกนเชียร์นักร้องเกาหลีที่มาไทย อะไรก็ได้ เชื่อๆไปเหอะ อ่านจบค่อยเลิกเชื่อก็ได้ จะได้สนุกๆเนอะ 555+
ส่วนใครที่ถามถึงFacebookผม ก็ลงในรูปตัวเท่ากำแพงเมืองจีนแต่รู้สึกหลายคนจะขี้เกียจพิมก็นี่เลยครับ http://www.facebook.com/nipon.satupan ก็ไปคุย ไปเล่น ไปเกาคาง ไปเป็นภาระผมก็ได้ เอาที่สบายใจ
ส่วนเรื่องนี้ก็เป็นประสบการณ์ถากๆของผม (คือประสบการณ์ตรงบ้างบางเหตุการณ์ เฉียดๆบ้างทำนองนี้) จากเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว
ใครที่เคยอ่านรีวิวและกระทูก่อนหน้านี้ น่าจะชินกับวิธีเล่าเรื่องของผมดี
เอาล่ะนะ...พร้อมล่ะนะ...งั้น...ปิดไฟ...แล้วไปฟังกันเลย!!!
“ พุท โธ ทา ยะ ”
“ พุท โธ ทา ยะ ”
“ พุท โธ ทา ยะ ”
จำได้รึยังครับ...ถ้าคุณจำได้แล้ว...ขอแสดงความยินดีด้วยนะ
คุณ...เพิ่งจะจำ... “คาถาเรียกผี”...ได้ขึ้นใจ
...
เรื่องมันเริ่มจากบ่ายวันหนึ่ง ซึ่งอุณหภูมิพุ่งขึ้นถึง 40 กว่าองศา จนน้ำในคลองแสนแสบตรงหน้าแทบจะระเหยเป็นไอ
แต่...กรมอุตุนิยมวิทยาในประเทศที่สามประเทศนึงที่ต่อมรูขุมขนพิการจนไม่รู้สี่รู้แปดก็ยังยืนยันให้มั่นใจ ว่าประเทศไทย...เข้าสู่...หน้าหนาวเต็มตัว
ผมหนีตายจากทะเลทรายแถวอนุเสาวรีย์ชัย แล้วเข้ามาหลบตากแอร์ในร้านกาแฟร้านนึง ก่อนจะพบกับพวกพี่ๆที่เคยรู้จักกันโดยบังเอิญ แน่นอนว่า...ผมควรเดินไปสั่งกาแฟ เพราะถ้าแกล้งเนียนๆมานั่งตากแอร์ ก็อาจจะถูกแม่ค้ากระโดดถีบยอดอกโชว์ลูกค้าทุกคนในร้านได้
เรา4คนนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วๆไป ใครทำงานอะไรที่ไหน ผมไปเที่ยวลาวมาเป็นยังไง ทำไมจู๊อากงห้ามปลูกไว้ใกล้บ้าน (ไม่สงสารอาม่าเลยเหรอไง?)
จนรุ่นพี่คนนึงในกลุ่มเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอมือถือ และถามถึงเรื่องเล่าลือที่เป็นกระแสแชร์ผ่านโลกโซเชี่ยลชนิดที่ว่าวัวตายความล้ม ถล่มทลายและถามว่าใครรู้เรื่องที่ “มีผีโทรมาเล่าในรายการ The Shock” บ้างมั้ย เรานั่งแลกเปลี่ยนข้อมูลกันพักใหญ่ แล้วหัวข้อสนทนาของเราก็เปลี่ยนไป...
“เรามาเล่าเรื่องผีกันดีมั้ย?”
ไม่รู้ทำไม...ทั้งๆที่ด้านนอกร้านนั้น ร้อนอย่างกับซ้อมเดินบนดวงอาทิตย์ทั้งวัน และแดดแรงแยงตาจนแทบจะเป็นต้อกระจกกันทั้งร้าน แต่โต๊ะของเรา4คนกลับดูเหมือนนั่งอยู่ในงานล้างป้าช้า
แอร์ที่เย็น...ก็เย็นขึ้นกว่าเก่า เสียงคนรอบๆที่วุ่นวายก็ดูเบาจนแทบไม่ได้ยินเสียงใด
เรา4คน...พลัดกันเล่าเรื่องของแต่ละคนไป...จนถึงตาผม...
เอาล่ะ...พร้อมรึยัง...ผมจะนั่งเล่าให้ฟังล่ะนะ...
เรื่องมันมีอยู่ว่า...
...
มันเป็นประสบการณ์ที่เกิดมาได้เกือบ 20 ปี มันเป็นยุคที่ไม่มี Youtube ไม่มี Facebook ความสุขเพียงอย่างเดียวของเด็กทั่วไปในตอนนั้น ก็คือการออกจากบ้านมาสุมหัวกัน ปั่นจักรยานผ่านหน้าบ้านชาวบ้าน โดยเอาขวดพลาสติกยัดไว้ในล้อหลังตรงอาน ให้เสียงมันดังๆจนชาวบ้านเค้าสรรเสริญเยินยอ
ทุกที่ที่เราผ่านไปก็จะมีหลายๆคนให้ความเอ็นดู คอยไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบตลอดเวลา
“พ่อเมิงตายรึไงว่ะ!...ระวังตัวให้ดีเถอะเมิง!”
นั่นไง...เค้าเป็นห่วงเป็นใย บอกให้เราคิดถึงระวังดูแลตัวเองเอาไว้ให้ดีดี
และแน่นอนว่า...กิจกรรมบั่นทอนสติปัญญาแบบนั้น ลูกคุณหนูผิวพรรณดี มีชาติตระกูลแบบผมนั้น ไม่มีทางที่จะ.......พลาด! (อ้าว...!)
ก็ในสมัยนั้นมันไม่มีไอโฟนไม่มีไอแพดรึเกมส์อะไรนี่นา ที่เด็กรุ่นผมทำได้ก็ปั่นจักรยาน เล่นซ่อนหา อะไรก็ว่ากันไป และอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์หลังจากปั่นจักรยานจนเหนื่อยพอตกเย็น เมื่อโลกเริ่มมองไม่เห็นแสงอาทิตย์ สมัยนั้นผมคิดว่า ไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก รายการนึงที่จะมาทุกๆวันหลังเคารพธงชาติทุก 6 โมงเย็น
เอ่อ...ไม่ใช่รายการที่คุณเห็นคุณลุงหน้าตาใจดี
ที่พร้อมจะทุ่มโพเดี่ยมใส่คนที่ถามแน่ๆ...สมัยนั้นยังไม่มี
รายการที่ผมจะพูดถึงนี้ก็คือรายการ... “ลูกนกฮูก”
ลูกนกฮูก เป็นรายการ “ละครวิทยุ” ที่ออกอากาศจันทร์-ศุกร์ ทางวิทยุ AM ซึ่งจะเป็นรายการเกี่ยวกับเรื่องผี วิญญาณ สยองขวัญสั่นลิ้นปี่ ที่บอกได้เลยว่าไม่มีใครไม่รู้จักรายการนี้ ดังพอๆกับ Nighty Shock สมัยที่พี่ป๋องยังหัวไม่เถิก
เด็กๆหลายๆคนในซอยก็จะมานั่งจับกลุ่มล้อมวงกันฟัง โดยเรื่องที่ฟังในวันนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับ “ผีถ้วยแก้ว” พอรายการจบ “ไอ่อ้วน” (นามสมมติ) หัวโจกในกลุ่มผม ก็อาศัยอำนาจตามมาตราของมันเอง ประกาศกฎอัยการโดยไม่เกรงกลัวต่อประชามติในกลุ่มให้ในวันพรุ่งนี้...
“เราจะเล่น...ผีถ้วยแก้วกัน”
ไอ่อ้วนหันมาที่ผมและบอกว่า... “แอส...เมิงวาดรูปเก่ง งั้นเมิงไปทำกระดานผีถ้วยแก้วมา”
ผมถลกแขนเสื้อ ลุกขึ้นคัดค้าน เพราะว่าในละครที่ฟังตอนจบนั้น... “คนเล่นตาย” ไม่มีทางที่ผมจะเอาชีวิตอันมีค่าและเป็นความหวังของต้นตระกูลสาธุพันธ์ไปเสี่ยงง่ายๆ
ไอ้อ้วนหันมา...มีนัยยะเชิงข่มขู่ทางสายตา
ผมลุกขึ้น!...ตะโกนใส่หน้ามันสุดเสียงว่า!...
“ได้...”
ผมตอบตกลงง่ายๆ ด้วยความดังไม่เกิน 0.75 เดซิเบล
แน่ล่ะ...ใครจะไปวัดกับขาใหญ่อย่างมัน หุ่นอย่างกับแจ็คแฟนฉัน นี่บอกตรงๆไม่รู้แม่มันให้กินข้าวหรือล่อตอม่อสะพานลอยแทนอาหารเช้า ตัวถึงได้ใหญ่ขนาดนี้ ผมเองแค่ป.3 ป.4 หุ่นก็แห้งอย่างกับโนบิตะตอนแพ้น้ำยาล้างจานยังไงยังงั้น มีเรื่องกับมันมีหวัง...ได้โดนกระทืบไส้แตกไปนอนเฝ้าพระอินทร์ที่วัลฮาร่าแน่ๆ
คืนนั้น...ผมใช้เวลานั่งวาดกระดานผีถ้วยแก้วตามคำสั่ง...
บางที...ถ้าผมรู้ว่ากระดานผีถ้วยแก้วที่ผมนั่งทำ จะนำผมไปเจอเรื่องบานปลายขนาดนั้น...
การยืนให้ไอ้อ้วนกระทืบ...มันอาจจะดีซะกว่า
กระดานผีถ้วยแก้วจะประกอบไปด้วย พยัญชนะ ก – ฮ ตัวเลข 0 – 9 ใช่ – ไม่ใช่ ทางเข้า ทางออก สระ และที่จะขาดไม่ได้ก็คือ “บ้านพัก” เพื่อใช้พักในช่วงคำถามที่ผีเริ่มเหนื่อย (?!)
วันถัดมา เราก็เอามานั่งเล่นกัน มั่วๆซั่วๆเรื่อยเปื่อย ตามภาษาเด็กไม่รู้ เป็นการทำเรื่องสยองขวัญได้ดูปัญญาอ่อนมาก แตะแก้วกันเป็นสิบชีวิต คิดอยากจะถามอะไรก็ถาม “ไอ่ตูนขรี้แตกจริงมั้ย?” “แฟนน้องกิ่งเป็นใคร” “ผู้ว่ากทม.หายไปไหนช่วงน้ำท่วม” (เอ่อ...อันนี้นั่งไทม์แมชชีนไปถาม 555+)
เที่ยงวันนั้น...การเล่นผีถ้วยแก้วแห่งชาติก็ผ่านไป ต่างคนต่างแยกย้าย
แต่...ในเย็นวันนั้น ไอ้อ้วนก็ได้มาหาผมและขอยืมกระดานไปให้ “พี่บี” (นามสมมติ) เค้าจะเอาไปเล่น เค้าบอกที่ผีไม่เข้าเพราะพวกเราเล่นกันไม่เป็น
“มันต้องมี...คาถา”
5 โมงเย็นวันนั้น พี่บีและเพื่อนๆก็นั่งรออยู่ที่ใต้ถุนบ้านพี่บี ซึ่งเวลานี้ใกล้จะมืดเต็มที แต่ยังพอมีแสงสีส้มลอดผ่าน ร่องไม้ชั้นบนลงมาพอให้มองเห็น
พี่บีหยิบธูปมา 1 ดอก แล้วเอาธูปวนใต้แก้วให้ควันธูปไหลกรอกเข้าไป ก่อนจะคว่ำแก้วลงบนกระดานไม่ให้ควันไหลออกมา พี่บี เพื่อนอีก2คน และไอ้อ้วน เอานิ้วแตะลงบนก้นแก้วเบาๆ และเริ่มท่องคาถา...
“ พุท โธ ทา ยะ ”
“ พุท โธ ทา ยะ ”
“ พุท โธ ทา ยะ ”
โดยท่องสลับกันคนละคำ จนครบ 3 รอบ ก่อนที่พี่บี จะเอาธูปที่จุดปักลงกับพื้น...
แก้ว...ไม่ขยับใดๆ...จนผ่านไปเกือบ 5 นาที
ตู้มมมมมม!!!
อยู่ดีๆ...ก็มีสิ่งหนึ่งพุ่งลงมาที่กลางโต๊ะพิธี...
ทุกคนกระโดดออกจากวงด้วยความตกใจ!...พร้อมกับมีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง!...
“ผีแม่มไม่ว่าง กำลังนั่งวินมาป่าว แก้วเมิงเล็กไปมั้ง ผีมันเข้าแล้วอึดอัดนะ เมิงใช้ขันดีกว่า 555+” พี่แว่น (นามสมมติ) เพื่อนพี่บี พี่แว่นแกล้งโยนหนังสือลงกลางกลุ่มและตะโกนลงมาจากชั้น 2 พร้อมกับมองลงมาด้วยเสียงหัวเราะสะใจ
กายเนื้อผมยืนอยู่ตรงนี้...แต่กายทิพย์ผมนี่ กระโดดขึ้นไปถีบปากพี่แว่นไป3ทีแล้ว เล่นบ้าอะไรว่ะ ตกใจหมด!!!
“ไอ่แว่น งั้นเมิงลงมานี่เลยนะ เมิงบอกเบญจเพศอยู่ใช่ม่ะ งั้นเมิงมาเปลี่ยนกับน้องกูเลย” พี่บีตะโกนเรียกพี่แว่น ก่อนที่พี่แว่นจะเดินลงมา
ผมดูนาฬิกาใกล้เวลาการ์ตูนเรื่องโปรดจะมา เลยขอกลับบ้านก่อน ไอ้อ้วนที่ตอนนี้ไม่ได้เล่น ก็ขอกลับพร้อมกัน
ระหว่างที่หันหลังกลับออกมานั้น...
ผมเห็น... “คนที่...5”
มีใครอีกคน นั่งอยู่ในกลุ่มที่ผมเพิ่งจะเห็นและไม่รู้ว่าเป็นใคร กำลังยืนอยู่ข้างพี่แว่นด้านหลังไหล่ และเหมือนตั้งใจจะเลื่อนมือยื่นไปแตะแก้ว นาทีนั้นผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว ก็...คงเป็นเพื่อนของพี่บีอีกคนนึง
...
เย็นวันถัดมา...ไอ่อ้วน ผม และเพื่อนอีก2-3คนก็มานั่งรอที่จะดูพวกพี่บีเล่นผีถ้วยแก้วอีกครั้ง เพราะไอ่อ้วนบอกว่าเมื่อวานหลังจากเรากลับพวกพี่เค้านั่งเล่นกันแล้ว...
มีผีเข้ามาในแก้ว
พอไปถึงบ้านพี่บี...ก็เห็นพวกพี่บีพี่แว่นและเพื่อนผู้หญิงอีก2คนกำลังนั่งดื่มเหล้า พี่แว่นบอกว่ารอให้มืดกว่านี้ค่อยเล่นเดี๋ยวผีไม่เข้ามา แดดมันแรง กลัวผีแสบตา
ผมมองไปเห็นแก้วเป๊กสั้นๆที่พวกพี่เค้าเอามากระดกเหล้ากัน...
มัน...เป็นแก้วเดียวกับที่ใช้เล่นผีถ้วยแก้วรึเปล่านะ
ไม่หรอก...ใครมันจะบ้าเอาของแบบนั้นมาใช้ มันคงเป็นอะไรที่ดูลบหลู่ตายล่ะ จริงม่ะ
ครึ่งชั่วโมงถัดมา...พี่แว่นยกแก้วเป๊กเหล้าเทใส่ปาก ก่อนจะลากกระดาษผีแถ้วแก้วมา และ...วางแก้วลงไป
ชัดเลย...
พี่บี พี่แว่น และเพื่อนผู้หญิงอีก 2คน รวมเป็น 4 คนเริ่มทำพิธี
“อ้าว...พี่บี พี่ไม่รอเพื่อนที่นั่งกับพี่อีกคนเหรอพี่ สรุปมันต้องเล่น 4 หรือ 5 คน” ผมชิงถามด้วยความสนใจปนสงสัย เพราะภาพที่ผมเห็นคนที่ 5 ในเมื่อวานยังติดตา
“ไอ้บ้า...ผีถ้วยแก้วที่ไหนเล่น 5 คนว่ะ เค้าเล่นแค่ 4 เมิงเห็นผีแล้วล่ะ” พี่แว่นพูดสวนออกมาทั้งเสียงหัวเราะเพราะคิดว่าผมคงแซวโดยไม่ได้คิดอะไร
แต่...ผมไม่ขำ
เพราะผมมั่นใจ ถึงจะไม่ได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ แต่เมื่อวานผมเห็นคนที่ 5 แน่ๆ
หรือ...ที่คนเฒ่าคนแก่เค้าว่าไว้มันจะเป็นเรื่องจริง
ผี...ไม่ได้อยู่ในแก้ว
แต่... “มันอยู่ข้างนอก แล้ว...ดันแก้วจากข้างหลังใครสักคน”
หลังจากวินาทีนี้ไป...จะมีใครคนนึง...
ที่เหตุการณ์นี้...จะถึงกับทำให้ชีวิตที่เหลือของเค้า
เปลี่ยนไป...ตลอดกาล...