เตือนภัย!! สำหรับใครที่เคยโดนหลอกขอเงินหรือกำลังได้รับ friend request ใน Facebook จาก Winaie Mopoku

กระทู้สนทนา
***ต้องขออภัยด้วยเรื่องราวอาจจะยาวนิดนึงนะค่ะ (ก็ไม่นิดนะแต่ยาวเลยล่ะ) 😬😬

เข้าเรื่องเลยล่ะกันเนอะ เราเป็นพี่สาวแท้ๆของ Winaie Mopoku หรือที่เรียกกันว่า นัย เองค่ะ
ที่เราออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงและเตือนภัยกับทุกๆคนครั้งนี้ เพราะเรารู้สึกอดทนมานานแล้ว และรับไม่ได้จริงๆกับพฤติกรรมซ้ำซากของนัย โดยมีพฤติกรรมติดการพนัน ติดยาเสพติดงอมแงม แถมโกหกหลอกลวง ขอเงินบริจาคจากเพื่อนๆใน Facebook และอ้างอิงถึงพ่อแม่ญาติพี่น้องว่าไม่มีใครดูแลสนใจใยดีกับมัน ซึ่งทำให้ครอบครัวรู้สึกอับอายและเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

เราขอเกริ่นนำ ประวัติความเป็นมาของนัยก่อนล่ะกันว่า เมื่อก่อนช่วงที่นัยเรียนมัธยม นัยเป็นเด็กดี น่ารัก ไม่เคยเกเรหรือสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวเลย เชื่อฟังพ่อแม่มาโดยตลอด แถมเป็นเด็กขี้อาย ซื่อๆตามสไตล์เด็กตจว.

พอเมื่อปี 2008 นัยได้เรียนจบม.6 แต่ด้วยฐานะทางบ้านยากจน พ่อแม่อยู่บ้านนอกเป็นชาวไร่ชาวสวน ก็เลยไม่ได้ส่งเสริมให้นัยได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งตอนนั้นเรากำลังทำงานอยู่กทม. ก็เลยได้ขอพ่อกับแม่ให้ส่งนัยมาอยู่กับเรา ช่วงแรกๆที่มาอยู่ด้วยกัน นัยก็มาอยู่หอพักเดียวกับเรา แล้วเราก็เป็นคนรับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายทั้งค่าหอค่ากินทุกอย่าง พอมาอยู่ได้สักพักเราก็ได้ลองติดต่อฝากงานกับบ.เก่าที่เราเคยทำ ซึ่งพี่ HR ของบ.เก่าก็รับไว้ให้ทำงานในตำแหน่งพนง.ขายของหน้าร้าน แกเป็นคนใจดีมาก แกรู้จักครอบครัวเราเป็นอย่างดีว่าเราเป็นเด็กบ้านนอก มีฐานะยากจนที่มาจากตจว. ตอนนั้นเราดีใจมากที่แกให้โอกาสนัยได้ทำงานเป็นพนง.ออฟฟิศในบ.ใหญ่โต ทั้งๆที่นัยเองจบแค่ม.6 เท่านั้น

หลังจากนัยทำงานได้ 2-3 เดือน นัยก็ขอเราย้ายออกไปอยู่หอพักเองใกล้ๆที่ทำงาน ซึ่งเราก็โอเค เพราะเห็นว่านัยก็มีรายได้และสามารถรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ช่วงแรกๆหลังจากแยกกันอยู่ เราก็ยังนัดเจอกันไปกินข้าวดูหนังกันบ่อยๆ ซึ่งช่วงนั้นนัยก็ยังเป็นเด็กดีเชื่อฟังเราอยู่นะ แต่พอนานๆเข้านัยก็เริ่มมีแฟน ก็เลยเจอกันน้อยลง เท่าที่รู้คือนัยมีแฟนผญ.ที่อายุเยอะกว่าและก็มีฐานะด้วย เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเห็นว่าโตๆกันแล้ว ซึ่งทำให้เราหายห่วงซะอีก เพราะคิดว่าเค้าน่าจะมาดูแลนัยแทนเราได้

แต่แล้วเหตุการณ์ทุกๆอย่างก็เริ่มเกิดขึ้นหลังจากที่นัยเริ่มคบกับแฟนคนนี้ นัยเริ่มเรียนรู้ที่จะมีบัตรเครดิต กู้เงินตามธ.ต่างๆ และรู้จักเล่นหุ้นทั้งๆที่อายุแค่ 18-19 ปีเอง โดยความช่วยเหลือและรู้เห็นจากแฟนคนนี้ แล้วยังทำงานเสริมพวกระบบขายตรงอีกด้วย นัยเป็นคนทะเยอทะยานและมีความโลภมาก หวังที่จะมีเงินและร่ำรวย

พอเล่นหุ้นเสีย นัยก็เริ่มติดหนี้แฟนคนนี้จากหลักพันเป็นหลักหมื่นแล้วก็เป็นถึงหลังแสน เด็กอายุแค่นี้รู้จักสร้างหนี้เป็นหลักแสนๆแล้วอ่ะ โอ้แม่เจ้า!! 😱😱 ช็อกมะ คือเราช็อกอ่ะ ตอนนั้นแฟนนัยโทรมาบอก เราโกรธและเคืองมากกกก ทำไมถึงยอมและปล่อยให้เด็กตัวแค่นี้เป็นหนี้ตั้งเยอะได้ขนาดนี้ และช่วงนั้นเราก็ไม่ได้บอกที่บ้านนะเพราะเราไม่อยากให้พ่อแม่ต้องมารับรู้และเครียดกับนัย ตั้งใจว่าจะพยายามคุยและสอนกับนัยเองว่าจะแก้ปัญหายังไงดี

แล้วทีนี้นัยก็เริ่มมีปัญหากับแฟนและที่ทำงานด้วย เพราะนัยเริ่มขโมยเงินเล็กๆน้อยๆของบ. เพื่อนำไปเล่นหุ้นแล้วแถมยังติดเล่นการพนันอีก แค่นั้นไม่พอเรามารู้ทีหลังอีกว่านัยยังมีหนี้บัตรสินเชื่อเงินสดต่างๆอีกหลายหมื่นบาท!! 😓😓

ตอนนั้นพี่ HR โทรมาหาเราว่าจะเอายังไงกับน้องเราเนี่ย เราก็บอกว่าแล้วแต่พี่ค่ะ เพราะเราก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว และนัยก็เริ่มไม่เชื่อฟังเรา สอนก็แล้ว ทั้งเตือนก็แล้ว เราก็เลยบอกพี่เค้าให้จัดการเองตามนโยบายของบ. แต่เชื่อมั๊ย!! ทางบ.ยังให้โอกาสนัย โดยนำเงินบ.ไปใช้หนี้ให้ทั้งหมด (ยอดที่ติดกับธ.เท่านั้น ไม่ได้รวมหนี้ที่ติดแฟน) แล้วมาหัดคืนจากเงินเดือนนัยเดือนละพันสองพันโดยไม่คิดดอกเบี้ยแม้แต่บาทเดียวอ่ะ คงไม่มีบ.ไหนดีแสนดีขนาดนี้อีกแล้ว หลังจากนั้นทุกอย่างปกติ นัยก็ทำงานใช้หนี้บ.ไปเรื่อยๆสักปีนึงได้มั้ง

ทีนี้เอาอีกแระ ติดการพนัน ติดหนี้ แล้วเงินบ.หายอีก คราวนี้ทางพี่ HR ก็โทรมาบอกเราว่าครั้งนี้ไม่เอาไว้แล้วนะ ให้โอกาสแล้วก็ยังทำอีก เราก็นะรู้สึกอับอายขายขี้หน้ามาก!! แบบสุดๆอ่ะ!! 😰😰

หลังจากนั้นนัยก็เริ่มตกงาน แถมเริ่มมีหนี้สินนอกระบบอีกด้วย ทีนี้นัยก็เริ่มมาขอเงินเรา พอเราไม่ให้ก็โทรหยิบยืมขอจากเพื่อน แล้วก็เลยเถิดไปถึงขอพ่อแม่ด้วย ที่เราไม่ให้เพราะเรารู้ว่านัยติดการพนันและไม่ยอมหางานทำ แต่ที่บ้านไม่รู้ไม่เข้าใจเลยว่าน้องมันเี้ยจริงๆ พ่อกับแม่บอกว่าต้องให้โอกาสน้อง วันนึงน้องจะต้องสำนึกได้และกลับตัวกลับใจแน่นอน เพราะนัยเป็นเด็กดีมาตลอด (มันก็จริงอยู่อ่ะนะ เพราะเราก็ไม่เคยคิดว่าจากเด็กซื่อๆ บ้านนอกๆคนนึง มันจะเลวได้ขนาดนี้) 😤😤

นัยมันฉลาด มันรู้วิธีที่จะขอเงินจากที่บ้านว่าต้องแสดงอารมณ์แบบไหนให้พ่อแม่สงสารมันและเห็นใจที่สุด (ซึ่งมันเคยใช้วิธีนี้กับเรามาก่อนแล้ว ไม่ได้ผลหรอก เพราะเรารู้นิสัยมัน) โดยการร้องห่มร้องให้แบบจะเป็นจะตาย บอกว่ามีคนเอาปืนมาจ่อที่หัวบ้าง ถ้าไม่ได้เงินภายในวันนี้พรุ่งนี้เค้าจะฆ่ามันบ้าง ไม่มีเงินกินข้าวมา 2-3 วันแล้วบ้าง ไม่มีเงินจ่ายค่าหอบ้าง สารพัดข้ออ้างต่างๆนาๆ พอมันอ้างแบบนี้แล้วมันรู้ว่าพ่อแม่จะต้องโอนเงินให้มัน

แล้วเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ป่ะ ได้ยินแค่นั้นแหละแม่ใจจะขาดอยู่แล้ว เจ็บปวดแทนน้อง แม่บอกให้น้องตายไม่ได้นะ ให้น้องอดข้าวไม่ได้ ยังไงก็ต้องช่วยเพราะถึงเลวยังไงน้องก็ยังเป็นลูกแม่!! ตายๆ ช่วงนั้นแม่เครียดมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ร้องให้ตลอดเวลาเลย เราก็บอกแม่นะว่าไม่ต้องรับโทรฯ ไม่ต้องสงสารมัน และไม่ต้องโอนเงินให้มันด้วย เพราะถ้ามันสร้างหนี้เองก็ต้องหาใช้หนี้เองได้ มันไม่ใช่หน้าที่ของพ่อกับแม่ที่จะต้องไปใช้หนี้แทนมัน มันยิ้ม ไม่ต้องไปเชื่อมัน ซึ่งตอนนั้นเราไม่คิดนะ ว่าที่บ้านจะโอนเงินให้มัน

พอมารู้ทีหลังว่าทุกๆครั้งที่มันโทรไปขอที่บ้าน พ่อกับแม่โอนเงินให้มันมาโดยตลอด ครั้งละพัน สองพันบ้าง ห้าพัน หนึ่งหมื่นบ้าง สองหมื่นบ้างก็มี แล้วที่เยอะที่สุดคือโอนให้มันครั้งเดียว หกหมื่นสอง(62,000) โดยที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยสักนิดเดียว แค่นั้นแหละ!! เราปรี๊ดแตกเลย โมโหแม่มาก เราอุตส่าห์ส่งเงินให้ที่บ้านทุกๆวันสำคัญต่างๆ และเป็นเงินเก็บที่พ่อกับแม่ทำไร่ทำสวนได้ปีละหมื่นสองหมื่นบ้าง เงินหลักหมื่นแถวบ้านนอกนี่ไม่ใช่น้อยๆเลยนะ คือเจ็บใจมากโมโหทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งน้อง สุดๆอ่ะ โกรธที่บ้านมากจนไม่รับโทรฯและไม่คุยกับแม่อีกเลยประมาณ 3-4 เดือนได้มั้ง

ช่วงนั้นเรารู้สึกแย่มาก คืออารมณ์แบบไม่อยากคุยกับใครเลย ส่วนแม่ก็พยายามโทรมาหาเราบ่อยมาก บางวันโทรมาเป็นสิบๆรอบก็มี แต่เราก็ไม่รับและไม่เคยโทรกลับ จนเรามาคิดได้ว่ามันไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย และเราก็รู้สึกสงสารแม่มากด้วย ตอนนั้นแม่แทบจะเป็นประสาทเสียอยู่ล่ะ เพราะเครียดสุดๆ จนในที่สุดเราก็เลยโทรกลับหาแม่แล้วปรึกษากันว่าจะทำยังไงกับน้องดี ก็เลยสรุปได้ว่าโอเคเราเอาน้องกลับบ้านดีกว่า พาออกจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ แล้วพาไปรักษาอาการติดการพนัน ติดเหล้า ติดบุหรี่ (ตอนนั้นไม่รู้นะว่าติดยาด้วยรึป่าว) ทีนี้เราก็โทรหาน้องว่ากลับบ้านนะทุกคนยังรัก ยังให้อภัยและให้โอกาสเสมอ ถือซะว่าสิ่งต่างๆที่ผ่านมาก็เป็นบทเรียนสอนใจล่ะกัน แล้วกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่บ้านซะ แต่รู้มั๊ย!! นัยไม่ยอมกลับ นัยยื่นเงื่อนไขต่างๆนาๆ นัยบอกให้โอนเงินค่ารถไปให้แล้วจะซื้อตั๋วกลับบ้านเอง โอเค เราก็โอนให้ พอนัยได้รับเงินวันสองวัน แล้วก็เงียบหายไปเลย ติดต่อไม่ได้อีก ผ่านไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์นัยก็โทรมาบอกว่าโอเคทีนี้จะกลับแระ ที่ไม่ได้กลับเพราะเอาเงินที่โอนให้นั้นไปจ่ายค่าอาหาร ค่าหอบ้าง

โอเค!! ครั้งแรก แล้วยังมีครั้งที่สองอีกก็เหมือนเดิม จนครั้งที่สามมันบอกมันจะกลับตัวกลับใจแล้ว คราวนี้มันจะกลับบ้านจริงๆ ไม่มีตังค์จะกินข้าวแระ แล้วขอให้เราซื้อตั๋วเป็นตั๋วเครื่องบินให้มันด้วย เราก็คุยกับที่บ้าน ซึ่งทุกคนก็โอเค พ่อแม่บอกยอมทำทุกอย่างขอแค่ให้กลับบ้านก็พอ (โห นี่ขนาดไม่มีเงินแม้แต่จะกินข้าวนะ แต่ยังหัวสูงจะนั่งเครื่องฯกลับอีก แค่ได้นั่งรถทัวร์ก็บุญแล้ว ว่ามั๊ย!!) 😖😖

พอกลับไปอยู่บ้านนัยก็ไม่ยอมไปอยู่ศูนย์บำบัดติดการพนัน วันๆขอเงินพ่อแม่ไปซื้อเหล้า ซื้อบุหรี่ดูดอยู่แบบนี้เป็นเดือนสองเดือน พอเดือนที่สามสี่ก็มีนายหน้ามาหาคนเพื่อไปทำงานประเทศใต้หวัน ที่บ้านก็เลยตัดสินใจที่จะส่งน้องไปทำงาน ซึ่งค่านายหน้า ค่าสมัคร ค่าตรวจโรค ค่าทำเรื่องเอกสารต่างๆ และนัยต้องเดินทางไปทำเรื่องเองที่กทม. ด้วย  รวมๆแล้วก็เกือบสามหมื่นบาท เงินก้อนนี้พ่อกับแม่ก็กู้เงินเค้ามาให้ เพราะที่บ้านไม่มีจะให้แล้ว หลังจากยื่นเรื่องเสร็จ ทีนี้ก็รอบินอย่างเดียว แต่พอเวลาผ่านไปเดือนนึงก็แล้ว สองสามเดือนก็แล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้ไปสักที จนทางบ.แจ้งว่ารง.มีปัญหา ต้องยกเลิก ไปไม่ได้แล้ว!!
ซึ่งตอนนั้นพ่อแม่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย คิดว่าค่านายหน้าที่จ่ายไปเกือบๆสองหมื่นก็เสียเปล่าคงไม่ได้รับคืน

แต่รู้มั๊ย!! นัยตัวแสบมันรู้ มันได้รับเงินค่านายหน้าคืนจากบ.เรียบร้อย โดยที่ไม่บอกพ่อกับแม่ แล้วนำเงินนั้นไปเที่ยว กินเหล้าผลาญจนหมด (มันน่าโกรธมั๊ย เงินก้อนนั้นพ่อกับแม่อุตส่าห์เสียดอกเบี้ยกู้เค้ามานะนั่นน่ะ พูดแล้วโมโห) 😡😡

แค่นั้นยังไม่จบ หลังจากเดินเตะฝุ่นอยู่บ้านมาหลายๆเดือนมันก็คงเริ่มเบื่อ นัยก็เลยขอพ่อกับแม่จะไปทำงานกทม.อีก ทีนี้ที่บ้านก็ต้องปล่อยเพราะเลี้ยงไม่ไหวแล้วจริงๆ นัยมันไม่ทำงานทำการอะไรเลยคอยแต่ขอเงินพ่อกับแม่แทบจะทุกวัน คราวนี้นัยรับปากกับที่บ้านดิบดีเลยว่าจะไม่กลับไปเล่นการพนันอีก จะไปหางานทำ แล้วจะเก็บเงินใช้หนี้ (เหมือนกลับตัวเป็นคนดีแล้วเนอะ แต่ยัง ยัง) พ่อกับแม่ก็เลยกู้เงินมาอีกก้อนเพื่อเป็นค่ารถค่ากินให้มัน (ครั้งนี้จำไม่ได้แล้วว่ายอดเท่าไหร่)

พอลงมากทม.นัยก็ได้งานทำเป็นแคชเชียร์ในห้างฯ แล้วนัยก็อ้างว่าเงินเดือนที่ได้นั้นไม่พอจ่ายค่ากินค่าหอ ก็เลยขอที่บ้านให้ช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ก่อนสักสองสามเดือนแรกช่วงที่ยังตั้งหลักไม่ได้ อ๊ะ โอเค ทุกคนก็เห็นว่าน้องเริ่มกลับตัวกลับใจ รู้จักทำงานแระ จะได้กลับมาเป็นผู้เป็นคนเสียที ทุกคนก็ลงความเห็นว่าโอเคไหนๆก็ช่วยแระ ช่วยมาตั้งขนาดนี้แล้ว ก็ช่วยให้สุดๆไปเลยล่ะกัน ทีนี้พ่อแม่ไม่มีเงินแระก็เลยต้องรบกวนพี่ชาย (ซึ่งเป็นพี่ชายพ่อเดียวกันแต่คนละแม่) พี่ชายก็โอนเงินให้นัยเดือนละพันบ้าง สองพันบ้าง ประมาณสามสี่เดือนได้มั้ง ก็มารู้ทีหลังอีกว่า เอาอีกแระๆ!! ออกจากจากงาน ตกงาน กลับไปทำเหมือนเดิมอีก ทีนี้เริ่มติดยา ติดการพนัน กินเหล้า ดูดบุหรี่ หนักกว่าเก่าอีก!!

เราคิดว่าช่วงนี้แหละที่นัยเริ่มขอเงินจากเพื่อนๆใน Facebook ก็คงช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั่นเอง เพราะที่บ้านพ่อแม่ญาติพี่น้องทุกคนเอือมระอา ไม่มีใครให้เงินมันอีกแล้ว ส่วนเราเหรอยิ่งไม่ต้องพูดถึง เราตัดขาดจากมันตั้งแต่ตอนที่ซื้อตั๋วส่งมันกลับบ้านแล้ว

มันขอและผลาญเงินพ่อแม่ไปหมดและพ่อแม่ต้องเป็นหนี้เป็นสินอีกไม่รู้เท่าไหร่ แต่ทุกวันนี้พ่อแม่ยังรักยังคิดถึงและร้องให้เสียใจเสมอทุกๆครั้งที่พูดถึงนัย เราได้แต่คอยปลอบใจตลอดว่า ถือซะว่าแม่ไม่มีลูกชายล่ะกัน ขอให้คิดซะว่ามีแค่ลูกสาวคนเดียวก็พอ คือเรานั่นเอง เราจะเป็นคนดูแลแม่เอง แต่แม่ยังมีความหวัง รอคอยการกลับมาของนัยเสมอว่า วันนึงนัยจะกลับมาเป็นลูกคนเดิมของแม่อีกครั้ง ทุกวันนี้พ่อยังบอกเราเลยว่า เห็นแม่เข้าไปในห้องนอนนัยแล้วไปดม ไปกอดหอมเสื้อผ้านัยแล้วร้องให้คิดถึงอยู่บ่อยครั้ง 😢😢

รวมๆแล้วยอดเงินทั้งหมดที่เสียไปกับมันนะ เกือบๆสองแสนได้ เสียเงินน่ะไม่เท่าไหร่หรอกแต่เราเสียความรู้สึกและเจ็บปวดใจที่มันทำให้พ่อแม่ร้องให้เสียใจอยู่จนถึงทุกวันนี้เนี่ยสิ แล้วยังมาเห็นมันไปโกหก หลอกลองขอเงินชาวบ้านไปทั่วโซเชียลอีก แย่มากๆ เรารู้สึกเสียใจและละอายใจจริงๆกับการกระทำอันน่าอับอายของน้องชายเรา!! 😓😓
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่