การกลับมาอีกครั้งของภาพยนตร์สัตว์ยักษ์ของไทย เรื่อง จระเข้ หรือ Crocodile by Chaiyo Studio

ภาพยนตร์สัตว์ร่างยักษ์ในต่างประเทศมีมากมายหลายเรื่อง ในประเทศญี่ปุ่นมีคำเรียกเฉพาะหนังประเภทนี้ว่า Dai Kaiju สำหรับเรื่องจระเข้นั้น เป็นภาพยนตร์ก้ำกึ่งระหว่างหนังสัตว์ร่างยักษ์กับหนังสยองขวัญ ซึ่งตามคำบอกเล่าของอาสมโพธิท่านได้บอกว่า เรื่องนี้ทำมาในยุคเดียวกับภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ด เรื่อง จอวส์ (JAWS) ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับปลาฉลามพันธุ์ดุไล่กัดคนที่ไปเล่นน้ำในทะเล เป็นหนังที่ได้รับความนิยมมากในอดีต หากใครเคยซื้อดีวีดีของ TIGA มาชมจะพบว่า หนังของไชโยหลายเรื่อง จะเป็นเรื่องราวของจระเข้ เช่น เรื่อง จระเข้ - ไกรทอง ภาค 1 - ไกรทอง ภาค 2 - จระเข้เถรกวาด ไปจนถึงตัวละครของเรื่องกิ้งก่ากายสิทธิ์ ที่ไชโยสตูดิโอ มีบ่อจระเข้ เคยเลี้ยงจระเข้จริงๆ เอาไว้สำหรับถ่ายภาพยนตร์ (ปัจจุบันเป็นบ่อเปล่าๆ ไม่มีจระเข้)



โปสเตอร์หนังในต่างประเทศ เรื่องนี้ถูกจัดทำขึ้นหลายภาษา แต่ในหากเสิชใน Google อาจพบแค่ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ เนื่องจากหนังได้ถูกสร้างขึ้นโดยความร่วมมือของหลายประเทศ ไทย ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี ผู้จัดจำหน่ายจึงทับซ้อนไลน์กันบ้างในปัจจุบัน หนังจึงเผยแพร่ออกมาตามประเทศต่างๆ โดยต่างผู้จัดจำหน่าย แต่ทั้งหมดคือเรื่องเดียวกัน ในสมัยนั้นเรื่องนี้แม้ไม่อาจเทียบชั้นกับ Jaws ได้ แต่ในแง่ของเอฟเฟคในระดับเอเซียยุคนั้น เรื่องจระเข้ ถือเป็นภาพยนตร์เอฟเฟคที่ยอดเยี่ยมเรื่องนึงของเอเซีย ผ่านสายตาของคนมาแล้วทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยตามประวัติที่ค้นมาได้ ฉายเมื่อปี พ.ศ. 2523

ผมเองก็เป็นคนนึงที่ในอดีตไม่เคยสนใจหนังไทย ไม่เคยอยู่ในสารบบความคิดว่าหนังไทยจะเป็นหนังที่ดี แต่ ณ วันนี้ โลกอินเตอร์เน็ทมันทำให้เราพบเห็นอะไรมากขึ้น มีเฟสบุค มีเพื่อนต่างชาติที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับภาพยนตร์ เพื่อนต่างชาติกลับรู้จัก Mid Chaibuncha, Sombat Medhinee , Yodchai meksuwan ทำให้ผมงงว่าเขารู้จักได้ยังไงกัน หลังจากที่ได้พูดคุยก็ได้ความว่า หนังไทยเป็นหนังที่ต่างชาติเขาชมกันในกลุ่มน้อย ประมาณเหมือนกับประเทศเราดูหนังอินเดียนั่นแหละ มีบ้างแต่ไม่เยอะ แล้วไม่ใช่ว่าจะรู้จักกันทุกคน แต่มีกลุ่มที่ชื่นชอบหนังไทย ดาราไทย เหมือนประมาณว่าป๋าเบิร์ดของเราเดินทางไปญี่ปุ่น ไปจีนแล้วมีคนรู้จักนั่นแหละ ฉะนั้นหนังไทยโกอินเตอร์ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิด หรือยังไม่เกิด มันเกิดขึ้นมานานแล้วครับ เพียงแต่อาจเป็นเฉพาะกลุ่มเฉพาะทางเท่านั้น ส่วนการจะไปบังคับใครให้ชื่นชมหนังไทย สนับสนุนหนังไทย หรือรู้สึกภาคภูมิใจในหนังไทยคงเป็นไปไม่ได้ มันต้องเกิดจากการยอมรับและค้นพบสิ่งเหล่านี้ด้วยตนเอง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Crocodile หรือ จระเข้ ภาษาอังกฤษ ลองเสิชดูใน youtube ครับ รู้สึกมีหลายภาษา ที่ผมได้จากอาสมโพธิมาเป็นภาษาไทยตัวเดียวกับที่ฉายในโรงภาพยนตร์สมัยก่อน ผมก็เพิ่งเคยเห็นนี่หละ ท่านให้ผมมาเมื่อครั้งที่พาชาวต่างประเทศไปพบเมื่อ 31-8-2014 เป็น Trailer ภาพยนตร์หลายเรื่องเลยทีเดียว การดูหนังเก่าต้องทำใจนะครับ ต้องระลึกอยู่เสมอว่า มันหลายสิบปีมาแล้ว ถ้าเอาความคิดเรื่องระบบ CG สมัยปัจจุบัน การตัดต่อที่มีดิจิตอลมาช่วยมากมาย อรรถรสในการชมหนังย้อนยุคก็จะหมดไปในทันที

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
นี่ก็เป็นอีกภาษานึง ใครฟังออกว่าเป็นภาษาอะไรช่วยบอกหน่อยนะครับ ทุกที่ที่ไปฉาย ก็จะปรากฏชื่อนักแสดงไทยอยู่ในนั้น

ประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิตที่ผมก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าผมจะได้ไปสัมผัสกับการซื้อขายภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อนำไปจัดจำหน่ายในประเทศ หนังเก่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 กลับมีชาวต่างชาติมาติดต่อขอใช้สิทธิ์ในปี พ.ศ. 2555 (2012) ฝรั่งเขาคิดอะไรของเขา จุดเริ่มต้นมาจากการที่ผมไปรู้จักกับนักเขียนในหนังสือ G-FAN ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับก็อตซิลล่าและสัตว์ประหลาดที่จำหน่ายในอเมริกาและคานาดา เขามาพูดคุยกับผม เขารู้สึกว่าเรื่องของผมนั้นน่าสนใจ เกี่ยวกับเรื่องทำชุดสัตว์ประหลาดเอง แล้วใส่ไปเดินที่โน่นที่นี่ คล้ายๆ กับคอสเพล์ แต่เป็นชุดของตัวเองนั่นแหละ ให้ผมเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งบอกตรงๆ ว่ายากมาก ขอให้ใครเขาช่วยแปลไทยเป็นอังกฤษให้ ก็ไม่มีใครช่วยได้ เลยจับเอาไปใส่ใน Google ช่วยแปล อ่านเองยังงงเอง แล้วส่งรูปของผมให้ไปเป็นสิบๆ ภาพ กับข้อมูลภาษาอังกฤษ บอกให้เขาช่วยขัดเกลา หลังจากที่เขาได้เอาไปตีพิมพ์ รออยู่หลายเดือนครับ กว่าเขาจะส่งมาให้อ่าน เพราะเขาต้องรอจนกว่าทางเขาจะวางตลาด แล้วเก็บหนังสือกลับมา เขาถึงจะจัดส่งมาให้ผม ครั้งแรกที่ได้รับผมดีใจมากที่ได้ลงหนังสือต่างประเทศเกี่ยวกับก็อตซิลล่าเป็นครั้งแรก แถมยังมีภาพประกอบด้วย









แต่พอมาอ่านดูแบบตั้งใจ มีรูปผมลงจริงครับ แต่พูดถึงผมอยู่ไม่กี่บรรทัด สงสัยว่าอาจเป็นเรื่องที่เขาไม่สามาถขัดเกลาภาษาที่แสนจะมึนงงของผมได้ เลยเอาเรื่องของไชโยและประวัติการ์ตูนไทยมาใส่แทน เอาละ... ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เวลาผ่านไปซักสองสามเดือน มีฝรั่งชาวสวีเดินแอดเฟสบุคมาพูดคุยกับผมเกี่ยวกับเรื่องราวของไชโย โดยอ้างอิงจากหนังสือใน G-FAN เขาเข้าใจว่าผมคือส่วนหนึ่งของทีมงานไชโย เอากันเข้าไป... ผมก็บอกว่าโน เขาบอกว่าดูยูโนวสมโพดแซน ฝรั่งเขาจะรู้จักอาสมโพธิในนามของ Sompote San นะครับ ลองเสิชชื่อนี้ใน Google ดู ผมเองรู้จักกับคนที่เคยทำงานในไชโยตอนสัยอุลตร้าแมนมิลเลเนียม  อุลตร้าแมนอีลิทน่ะครับ ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อพวกพี่ๆ เดี๋ยวแกจะเดือดร้อน เพราะพอพูดถึงไชโย หรือสมโพธิ แสงเดือนฉาย ก็มักจะลากไปเกี่ยวกับคดีอุลตร้าแมน ขอเถอะนะครับ ตรงนี้พูดถึงเรื่อง ภาพยนตร์เรื่อง จระเข้ เพื่อเป็นแนวทางหรือวิทยาทาน เกี่ยวกับหนังไทย พี่เหล่านี้ก็ให้ความเมตตาผมดี บอกเล่าเรื่องราวในไชโย บอกเทคนิคการทำชุด บอกเบอร์อาสมโพธิ คนอะไรใจดีจัง จนทำให้ผมได้ไปพบอาสมโพธิครั้งนึง แต่ผมก็ยังเก็บเบอร์ของท่านไว้อยู่ ไม่จำเป็นผมจะไม่โทรไปรบกวน ทีนี้ฝรั่งคนนี้เขาก็มาคุยเกี่ยวกับความรู้ทางภาพยนตร์สัตว์ประหลาด บอกตามตรงผมก็ไม่ได้รู้ไปซะทุกเรื่อง รู้บ้างไม่รู้บ้าง แถมภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยจะดี เรียงประโยคผิดๆ ถูกๆ เขาบอกต้องการมาไทย ต้องการมาติดต่อกับ Sompote แล้วก็ถามผมอีกว่ายูรู้จัก Dick Randall มั้ย โอ้โห... สื่อสารยังจะสื่อสารยาก ยังจะให้ขุดประวัติศาสตร์อีก เลยบอกไปว่า ไม่รู้จัก เขาก็เล่าให้ผมฟังว่า นาย Dick Randal มาซื้อหนังของ Sompote San ไปหลายเรื่อง โดยไป Edit ใหม่ แล้วนำไปเผยแพร่ในยุโรปและอเมริกา นาย Dick Radall เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้นิยมชมหนังเกรดบีมากๆ นี่ก็เป็นครั้งแรกนะครับที่ผมได้รู้จักคนชื่อ Dick Randall ปัจจุบันท่านผู้นี้เสียชีวิตไปแล้ว ลองอ่านเรื่องราวของท่านใน IMDb ดีกว่านะครับ ถ้าให้ผมแปลเกรงว่าจะงงไปกันใหญ่ http://www.imdb.com/name/nm0709573/bio

ชาวสวีเดนคนนี้เขาติดต่อผมอยู่พักใหญ่ แล้วก็แจ้งผมว่า ต้นปี 2012 เขาจะมาเมืองไทย เพื่อซื้อภาพยนตร์ของ Sompote San ไปจัดจำหน่ายในประเทศเขา เอ่อ แล้วจะให้ผมทำยังไง เขาจะให้ผมช่วยติดต่อ Sompote San ให้ ณ เวลานั้น ผมเองก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่าเขาพูดจริงพูดเล่น การซื้อขายภาพยนตร์ไม่ใช่การซื้อหนังแผ่นดีวีดีห้าแผ่นสิบแผ่น แต่หมายถึงการซื้อสิทธิ์ไปผลิตหรือจัดจำหน่าย ซึ่งต้องมีสัญญาข้อตกลงกันวุ่นวาย ซึ่งผมเองเคยแต่ติดต่อขายหนังแผ่นในเมืองไทยให้ ผกก. คนนึง ครั้งนั้นครั้งเดียว ครั้งต่อไปเขาก็ติดต่อเอง อันนั้นหนังไทย แต่การติดต่อหนังไทยไปจัดจำหน่ายต่างประเทศไม่เคยทำ ไม่รู้ว่าเป็นไง แล้วถ้าฝรั่งมาแล้วเขาไม่ซื้อ คนที่ซวยคือผม โดนด่าแน่นอน คิดอยู่นาน... สอบถามถึงความแน่ใจของเขา เขาก็บอกว่าชัวร์ เอาวะ... ลองดู เลยโทรติดต่ออาสมโพธิไปบอกว่า ผมจะพาฝรั่งไปซื้อสิทธิ์ภาพยนตร์ แรกๆ ผมฟังจากน้ำเสียงดูเหมือนแกจะไม่เชื่อผม แกเคยพบผมครั้งเดียวที่ไปสัมภาษณ์แกมาลงในเน็ท และไม่คิดว่าผมจะติดต่อทำการค้าอะไรได้ ผมก็เหมือนนักฝันทั่วๆ ไป ผมเคยไปเสนอหานายทุนสร้างหนังกับเสี่ยเจียง เสี่ยเจียงให้ไปคุยกับพี่ปรัชญา พี่ปรัชญาให้ผมไปคุยกับพี่อ๊อดบัณฑิต คุยเสร็จก็เท่านั้น เจอกันเขายังจำไม่ได้ ถ้าทำหนังใหม่ไม่ได้ การขุดหาช่องทางย้อนเวลาไปหาหนังเก่าก็ไม่เลวเหมือนกัน ตอนนั้นก็เลยใช้เวลากับการหาข้อมูลของไชโย หนังเก่าๆ ดารานักแสดงไทยเก่าๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพูดคุยกับฝรั่งคนนี้

อันนี้เป็นเรื่องราวของการติดต่อเมื่อปี 2012 นะครับ ปี 2014 มีอีกครั้ง ห่างกันสองปี แต่ขอยังไม่พูดถึงปี 2014 เอาเป็นว่าเมื่อปี 2012 เป็นผลพลอยได้จากการที่ลงหนังสือ G-FAN แล้วเขาลงเนื้อหาผิดพลาดหรือจงใจยังไงก็แล้วแต่ แต่มันกลับดีกับตัวผม ผมก็ไม่โกหกฝรั่ง ผมไม่ได้ทำงานอยู่ไชโย แต่ผมยินดีจะช่วยคุณ คนต่างชาติไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นหน้า เห็นแต่รูปในเฟส สเตทเม้นเป็นไง บริษัทเป็นไงก็ไม่รู้ แต่ผมต้องติดต่อ เป็นความเสี่ยงที่ต้องทำ เพราะไม่ทำใครจะให้โอกาสผม ครั้งแรกทีนัดเจอฝรั่งมันดันนัดเจอแถวโรงแรมที่ประดิพัฒน์แถวสะพานควาย นี่มันจะหลอกกูไปตุ๋ยป่าววะเนี่ย!!! ก็คิดไปต่างๆ นานา แต่ก็ไป แล้วก็ได้พบเจอพูดคุยกัน เขาไม่คิดจะซื้อเพียงเรื่องเดียว แต่คิดจะซื้อหลายเรื่อง เพราะตอนนี้บริษัทเขาต้องการหนัง ไม่เข้าใจจริงๆ นะครับ บ้านเราก๊อบขายกันถล่มทลายทั้งบ้านหม้อคลองถม ประเทศเขาไม่ก๊อบกันบ้างหรือไง คิดในใจ เอาเงินมาทิ้งเปล่ามั้ง อ่อ ลืมบอก วันนั้นพาเพื่อนผมไปด้วยคนนึง ชื่อ แม็ก เป็นเพื่อนในทีมใส่ชุดสัตว์ประหลาด ไปด้วยกันเพื่อความมั่นใจ อย่างน้อยก็ช่วยกันพูดคุยตอบโต้ภาษาอังกฤษด้วยกัน แล้วผมให้ฝรั่งได้พูดคุยกับอาสมโพธิทางโทรศัพท์ เพื่อให้มั่นใจว่าฝรั่งคนนี้มีตัวตนจริงๆ แต่ก็นั่นละนะ ผมอาจเดินไปถนนข้าวสารแล้วบอกว่า นี่ยูๆๆๆ ช่วยมาพูดกับคนนี้หน่อย ไม่รู้แกจะคิดยังไง

ผมประสานงานติดต่อแทกซี่ ให้เขาได้พูดคุยกันเอง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า เราไม่คิดจะมาฟันหัวเขาแตก ผมไม่ได้อะไรจากเขา แถมยังให้โปสเตอร์หนุมานเวอร์ชั่นฉายใหม่ ให้เขาไปคนละห้าใบ แหม ใจดีจริงๆ ผม เอาไปขายก็ได้เป็นพันเชียวนะ แต่ไม่เป็นไร ถือว่าโปรโมชั่น เราออกเดินทางจากกรุงเทพไปอยุธยากันตอนเก้าโมงเช้า สายไปหน่อย ไปถึงอยุธยาใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง วันนั้นมีผมไปกับฝรั่งสองคน กับน้าแทกซี่พี่พอพูดอังกฤษได้บ้าง ไปๆ มาๆ ผมยังพูดคล่องกว่าแทกซี่ ด้วยความจำเป็นตอนนั้น ถ้าไม่รู้ ไม่พูด มันทำไม่ได้ ฉะนั้น ก็ต้องทำ วันนั้นไปเร็วก็ที่นัดหมายเอาไว้ เลยไปเที่ยวพระราชวังบางปะอินกันก่อน สำหรับสถานที่พวกนี้ฝรั่งมันชอบนะ คงเป็นเพราะบรรยากาศรวมๆ ที่ไม่เคยพบเห็นในประเทศเขา ก็ถ่ายภาพโน่นนี่เก็บไว้ แล้วก็ถึงเวลานัดหมาย จนถึงเวลานี้ ผมฟังน้ำเสียงอาสมโพธิดูเหมือนแกก็ยังไม่เชื่อว่าผมพาฝรั่งมาซื้อหนังจริงๆ นั่นสิ จริงไม่จริงผมก็ยังไม่รู้ ของพวกนี้มันต้องมีครั้งแรก ลองดูก่อน แล้วค่อยเพิ่มประสบการณ์กันไป

เมื่อไปถึงสะพานทางลง ต้องวิ่งย้อนศรครับ เป็นเรื่องปกติของการไปไชโย แทกซี่คนนี้ชำนาญทางมาก เหมาทั้งวันแค่พันห้ารวมแกส แต่แทกซี่แอร์ไม่เย็นเลย เป่ามามีแต่ลม ฝรั่งมันนั่งเหงื่อหยดติ๋งๆ ทำไงได้ ผมช่วยคุณประหยัด

เมื่อปี 2012 ผ่านน้ำท่วมใหญ่มาแล้ว รอยน้ำยังเป็นคราบอยุ่ที่หน้าหัวอุลตร้าแมนขนาดใหญ่ที่หน้าไชโยว่าน้ำมันสูงระดับไหน ท่วมจนน่ากลัวจริงๆ ฝรั่งก็เดินออกมาถ่ายรูปกันที่หน้าหัวอุลตร้าแมน ดูสีหน้ามีความสุขครึกครื้นเหมือนแกกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ผมก็ช่วยเขาถ่ายบ้าง เขาถ่ายกันเองสองคนบ้าง แล้วประตูเหล็กบานนั้นก็เปิดออก...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่