"อินทร์ จันทร์ มั่น คง อยู่ ดี" พิธีตอกเสาเข็มในละคร "เจ้ากรรมนายเวร"

"อินทร์ จันทร์ มั่น คง อยู่ ดี" พิธีตอกเสาเข็มในละคร "เจ้ากรรมนายเวร" เป็นเรื่องจริงใน ปวศ. รึเปล่าคะ
ตอนนั้นเราดูแล้วกลัวมากค่ะ แต่จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้แล้ว อยากเห็นเอามารีเมคอีกจัง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
มีจริงในประวัติศาสตร์ครับ   แต่ในไทยไม่มีพิธีนี้มาหลายร้อยปีแล้ว      ตอนตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ก็ไม่ทำพิธีนี้

ครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์น่าจะเป็นที่พม่า    ครั้งย้ายพระนครจากอังวะไปมัณฑะเลย์   (น่าจะราวช่วงรัชกาลที่ 4ของไทย)   ครั้งนั้นใช้คนมาทำพิธีเกิน 50 คน     ไม่ใช่แค่เสาหลักเมือง    แต่ทำไปหมดทั้งมุมเมือง  พลับพลาประตูหลัก   ประตูวัง   รัตนบัลลังก์
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
เรื่องอิน จัน มั่น คงเป็นเรื่องที่เล่าๆลือๆกันมาครับ ยังไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ในละครเจ้ากรรมนายเวรดำเนินเรื่องในช่วงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวต่างประเทศเข้ามาติดต่อค้าขายจำนวนมาห และพบหลักฐานร่วมสมัยจำนวนมากที่บันทึกเหตุการณ์ในสมัยนั้น แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่ระบุว่ามีการทำพิธีตอกเสาเข็มในสมัยสมเด็จพระนารายณ์เลย จึงคิดว่าในสมัยสมเด็จพระนารายณ์คงไม่มีพิธีนี้แล้ว

แต่สมัยก่อนหน้านั้นมีบันทึกการทำพิธีตอกเสาเข็มในไทย ปรากฎในเอกสารเรื่อง "Description ofthe Kingdom of Siam" ซึ่งเขียนใน ค.ศ.๑๖๓๘ (พ.ศ.๒๑๘๑) ของเยเรเมียส ฟาน ฟลีต (Jeremias Van Vliet) หัวหน้าสถานีการค้าของบริษัทอินเดียตะวันออกของดัตช์ (Vereenigde Oost-Indische Compagnie; VOC) ประจำกรุงศรีอยุทธยาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระราชบิดาของสมเด็จพระนารายณ์

ฟาน ฟลีตใช้ชีวิตอยู่ในกรุงศรีอยุทธยา ๙ ปี ได้บันทึกประวัติศาสตร์ช่วงนั้นไว้มากทั้งพระราชประวัติสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระราชพงศาวดาร สภาพการเมืองการปกครองและอื่นๆ อีกมาก ซึ่งฟาน ฟลีตได้ระบุว่าเคยมีพิธีตอกเสาเข็มเกิดขึ้นใน พ.ศ.๒๑๗๗ รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองครับ


โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ

"...พระเจ้าแผ่นดินทรงเห็นชีวิตไพร่ฟ้าด้อยค่านัก เพราะเมื่อจะทรงสร้างพระราชวัง หอคอย (น่าจะเป็นพระเจดีย์หรือพระปรางค์ - ศรีสรรเพชญ์) หรือพระตำหนักใดๆก็ตาม ภายใต้เสาเข็มที่จะถูกปักลงในพื้นดินจะจับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ใส่ลงไป หากยิ่งท้องแก่ใกล้จะคลอดก็ยิ่งดี ด้วยเหตุนี้จึงนำมาสู่ความโศกสลดในกรุงศรีอยุทธยาอยู่บ่อยครั้งเมื่อมีการซ่อมสร้างพระราชวังหรือหอคอย เพราะบ้านทุกหลังในสยามจะตั้งอยู่เหนือพื้นดินโดยมีเสาไม้หลักปักอยู่ สตรีจำนวนมากต้องทนทุกข์ต่อความทรมานนี้ แม้ว่าเรื่องที่บรรยายมานี้จะดูไม่น่าเป็นไปได้ แต่การประหารเหล่านี้ก็ได้เคยทำจริงๆ

ผู้คนที่แสนจะงมงายเหล่านี้ เชื่อว่าเมื่อสตรีเหล่านี้ตายไปแล้วจะกลายเป็นภูติผีปิศาจ ที่คอยพิทักษ์เสาที่ตนถูกโยนลงไปข้างใต้รวมไปถึงตัวอาคารทั้งหมดจากความโชคร้าย บ่อยครั้งพระเจ้าแผ่นดินจึงทรงมักให้ข้าทาสไม่กี่คนไปจับกุมสตรีที่กำลังตั้งครรภ์อย่างไม่ใส่พระทัย แต่จะเว้นไม่จับกุมสตรีที่อยู่ในเรือนนอกจากหาใครไม่เจอบนถนนแล้ว สตรีเหล่านี้ถูกนำตัวมาเข้าเฝ้าพระมเหสี ซึ่งจะทรงดูแลพวกนางราวกับพวกนางจะมีพระประสูติกาลให้พระเจ้าแผ่นดินก็ว่าได้ หลังจากนั้นไม่กี่วัน พวกนาง (ขออภัยสำหรับคำพูดหยาบคาย) จะถูกโยนลงหลุมโดยให้หงายท้องขึ้น แล้วเสาเข็มจะตอกบนครรภ์จนทะลุไป

ทั่วกรุงศรีอยุทธยามีแม่น้ำไหลผ่านแปดสาย บริเวณที่แม่น้ำไหลผ่านเข้าออกพระนครจะมีการสร้างประตูที่มีเสาสูงสองเสาสูงประมาณแปดฟาทอม (๔๘ ฟุต) และหนาหนึ่งฟาทอม (๖ ฟุต) เสานี้เชื่อมกันด้านบนด้วยเสาแนวขวางสองเสา ช่องว่างระหว่างเสามีการตกแต่งประดับด้วยไม้

เมื่อรวมประตูไชย (ประตูทางใต้ของกาะเมืองอยุธยา-ศรีสรรเพชญ์) หรือประตูแห่งหัวใจ (เป็นทางเข้าพระราชวัง) จะมีประตูพระนครทั้งหมด ๑๗ ประตู เมื่อต้นปี ๑๖๓๔ พระเจ้าแผ่นดินองค์ปัจจุบันโปรดให้สร้างประตูใหม่ทั้งหมด ประตูเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นประตูวัด วิหาร บ้านเรือน หรือพระราชวัง (ไม่ว่าจะน่าเกลียดหรือไม่สำคัญก็) ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในสยาม พระองค์จึงมีพระราชโองการให้โยนสตรีที่กำลังตั้งครรภ์สองคนลงไปใต้เสาเข็มแต่ละเสา ทั้งหมดต้องใช้สตรี ๖๘ คนสำหรับ ๑๗ ประตู เพื่อการณ์นี้สตรีบางคนจึงถูกนำตัวเข้าพระราชวัง แต่เกิดเหตุการณ์ขึ้นในทั้งสองวันที่ผู้หญิงห้าคนถูกจับมาได้คลอดบุตรในเวลาเดียวกับที่ถูกพาตัวเข้ามาในพระราชวัง นี่ทำให้เกิดความหดหู่ขึ้นในราชสำนักและเชื่อกันว่าเป็นปาฏิหาริย์

ออกญาจักรี (ผู้ซึ่งในปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นออกญาสุโขทัย และเป็นผู้ที่มั่นใจในตนเองสูง) กล้าพอที่จะกราบทูลพระเจ้าแผ่นดินว่า พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดในบรรดาเทพยดาแห่งองค์พระพุทธเจ้าอยู่หัวไม่ทรงโปรดให้โยนสตรีลงหลุมใต้เสาเข็ม แต่เพื่อที่จะประนีประนอมกับปิศาจ (ซึ่งชาวสยามเชื่อว่าสิงสถิตอยู่ในประตูเหล่านี้) ออกญาจักรีจึงทูลเสนอพระเจ้าแผ่นดินให้ทำพิธีแค่ที่ประตูไชยเท่านั้น พระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นชอบและมีพระราชโองการให้เหลือสตรีไว้แค่สี่นางเท่านั้น

สตรีคนอื่นๆ (ทั้งคนที่คลอดบุตรไปแล้วและยังไม่คลอด) ถูกจับโกนศีรษะ แล้วถูกฟันสองแผลบนศีรษะ ได้รับแจ้งว่าเทพยดาทรงประทานชีวิตพวกนางไว้ในพระหัตถ์พระเจ้าแผ่นดินและพวกนางสมควรตาย แต่พระเจ้าแผ่นดินทรงไว้ซึ่งพระเมตตากรุณามากกว่าเทพยดา พวกนางทุกคนจึงสามารถกลับบ้านได้ ยกเว้นหญิงอีกสี่คนที่ได้กล่าวไปแล้วที่ถูกโยนลงหลุมใต้เสาเข็มประตูไชย"


อ่านดูแล้วจากเนื้อหาสันนิษฐานว่าออกญาจักรีคงจะพยายามช่วยชีวิตผู้หญิงเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมด


เรื่องนี้อาจจะดูเกินจริงไปบ้าง แต่ก็มีความใกล้เคียงกับเรื่องที่เล่าขานเกี่ยวกับการตอกเสาเข็มของไทยอยู่หลายอย่าง เช่นบางที่บอกว่าการตอกเสาเข็มมักใช้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์เพราะเมื่อตอกเสาเข็มแล้วก็จะได้วิญญาณถึง ๒ ดวง บางที่ก็เรียกว่าเป็นหญิงตั้งครรภ์ว่าพวก "สี่หูสี่ตา"

ความคิดเห็นที่ 9
ี่จริงในละครทำเอาตามอารมณ์  ภิกษุที่ไหนจะมาร่วมสังฆกรรมปาณาติบาต ด้วยการฆ่าสัตว์อยู่ในปฐมศีล มานั่งดูเขาฆ่าคนแทนที่จะห้ามกลับนั่งดูเฉยๆ  ประเพณีนี้ไม่มีหนังเขียนเอาเอง  จะมีก็แต่พราหมณ์     เคยได้อ่านจากที่ไหนนี้แหละว่า มีคนถาม ร.1ว่าจะให้หาคนมาเตรียมเลยดีไหมจะได้ไม่ชักช้า    ร.1ท่านเลยบอกว่าอยุธยาก็ทำแบบนี้แต่ทำไมโดนเผาซะไม่เหลือแสดงว่ามันใช้ไม่ได้ผลท่านเลยไม่ให้ทำเพราะมันไร้ประโยชน์อีกทั้งยังไว้ชีวิตคนได้ด้วย
ความคิดเห็นที่ 28
ละครเรื่องนี้ไม่ควรเอามารีเมค
ควรจะเอามารีรัน
ความคิดเห็นที่ 11
เรื่องที่ระบุว่ามีการตอกเสาเข็มในสมัยรัชกาลที่ ๑ เหมือนเป็นเพียงเล่าลือกันมามากกว่า เพราะไม่มีหลักฐานปรากฏจริงว่าคิดจะมีการทำพิธีนี้ในสมัยนั้นครับ

สมัยนั้นน่าจะทำตามตำราพระราชพิธีฝังหลุมพระนคร หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ตำราพระราชพิธีนครฐาน"  

โดยกล่าวแค่ว่า ให้เอาดินจากทิศทั้ง ๔ มาปั้นเท่าผลมะตูม สมมติว่าเป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม มีคนถือก้อนดินคนละก้อนยืนปากหลุมทั้ง ๔ ทิศ เมื่อทำพิธีมีโหรผู้ใหญ่ถามถึงก้อนดินแต่ละก้อนนั้นมีคุณสมบัติประการใด ผู้ที่ถือก้อนดินก็ตอบไปตามลำดับคือ

คนที่ถือธาตุดินตอบว่า "มีพระคุณจะทรงไว้ซึ่งอายุพระนครให้บริบูรณ์ด้วยคามนิคมเป็นที่ประชุมประชาชนพลพาหนะตั้งแต่ประถมตามเท่าอวสาน"
คนที่ถือธาตุน้ำตอบว่า "มีพระคุณให้สมเด็จบรมกษัตริย์แลเสนาอำมาตย์ราษฎรทั้งหลายเจริญอายุวรรณะสุขะพละสิริสวัสดิมงคลทั้งปวง"
คนที่ถือธาตุไฟตอบว่า "มีพระคุณให้โยธาทหารทั้งปวงแกล้วกล้า มีตบะเดชะแก่หมู่ข้าศึก"
คนที่ถือธาตุลมตอบว่า "มีพระคุณให้เจริญสมบัติธนธัญญาหารกสิกรรมวาณิชกรรมต่างๆ"

เมื่อกล่าวตอบครบแล้วก็ทิ้งก้อนดินนั้นลงในหลุมแล้วเชิญแผ่นศิลายันต์ลงในหลุม และเชิญหลักตั้งบนแผ่นศิลานั้น อัญเชิญเทวดาเข้าประจำรักษาหลักพระนคร
ความคิดเห็นที่ 25
เท่าที่เคยได้ยินมา
สมัยโบราณ เวลาจะสร้างประตูชัย ศาลหลักเมือง จะจับคนมาฝังทั้งเป็นเพื่อให้ดวงวิญญาณคอยเฝ้า
โดยจะทำการไปเรียกตัวตามบ้าน ซึ่งทุกคนก็จะปิดบ้านเงียบ เหมือนว่าไม่อยู่บ้าน
หากใครเผลอ ขานรับ ก็จะถูกจับได้ว่า อยู่บ้าน ทางการก็จะนำตัวไปประกอบพิธี
และมันก็เลยกลายเป็น คำพูดของคนแก่ที่ว่า ถ้ามีใครมาเรียกชื่อยามค่ำคืน อย่าขานรับ เพราะผีจะมาเอาตัวไป
แต่จริงๆ แล้วจะเป็นยังไง อันนี้ ไม่รู้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่