เรื่องเล่า...เก้าอี้สวดมนต์....

จากครอบครัวคนจีน ที่เข้าหาคนทรงเจ้า...วัยเด็กผมจึงเดินเข้าออกตามเตี่ยกับแม่ไปสำนักทรงเจ้า...
แต่กลับชอบที่จะเพ่งแสงสว่างมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ...พอ7ขวบก็เพ่งไฟ โดยไม่รู้ว่า นั่นเป็นกสิณ...
14 ก็เข้าวัดฝึกวิปัสสนา คนเขาหาว่าผมเป็นบ้า..แต่จริงๆผมแค่เพี้ยน...
เนื่องจากผมเห็นสุข ว่าทุกข์...เห็นทุกข์ว่าเหมือนหอกดาบทิ่มแทง...เห็นความไม่สุขไม่ทุกข์ว่าเปลี่ยนแปลง...
ผมกลัวตาย...แต่ผมรู้ว่าทุกคนที่เกิดมาต้องตาย...ผมจึงหาทางที่จะไม่เกิดอีก...
จากคำบริกรรม พุทโธ ตั้งแต่วัยเด็ก มาเป็นหายใจเข้าพุท หายใจออกโท ตอนอายุ 10 ขวบ เพราะตาลุงบอกว่าจะทำให้เรียนเก่ง...
มโนมยิทธิ...
และวิปัสสนากรรมฐานกับพระธุดงค์ ... หลวงพ่อพิทักษ์ ปริสุทโธ...
เดินจงกรมวันละ 11-13 ชั่วโมง...
นั่งสมาธิวันละ 4-6 ชั่วโมง...
นอนวันละ 4 ชั่วโมง
กินมื้อเดียว
นอกจากกวาดลานวัดแล้ว ให้ปฏิบัติตลอดเวลา...

ใครที่เคยเดินจงกรมขนาดนี้จะรู้ว่า เวลาคุกเข่านั่งสวดมนต์ทำวัตร ขาจะแข็ง นั่งไม่ลง พอนั่งไปสักพักจะปวดมาก ปวดมากๆก็ข่มเอาไว้ ทนเอาไว้
เดินจงกรมมากๆ จะปวดทั้งขา เข่า เอว ปวดมากๆ ก็ทนเอาไว้...
ผู้ใดเห็นทุกข์ผู้นั้นเห็นธรรม...
ถ้าแค่นี้ทนไม่ได้ จะไปสู้กับกิเลสเพื่อพ้นจากวัฎฎสงสารได้อย่างไร...
การปฏิบัติต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน...ตายเป็นตาย...
ผมไม่เชื่อหรอกครับว่า เดินจงกรมมันจะทำให้คนตายได้...และยิ่งไม่เชื่อว่านั่งสมาธินานๆแล้วจะทำให้คนตายได้...ไม่เชื่อ...ก็ต้องพิสูจน์...

จนเมื่อเดินจงกรมไป ปวดก็ทน...ทนไปจนความปวดที่หัวเข่าขึ้นถึงขีดสุด...มันก็ปวดไปหมดทั้งขา ทั้งเอว ทั้งตัว จนกระทั่ง หายใจไม่ออก ขาเริ่มก้าวไม่ออก...อาการจะขาดใจตาย จึงเริ่มมีให้เห็น...ผมยอมตายคาทางเดินจงกรม...เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา...
ในที่สุด หัวเข่าทั้งสองข้างผมก็เสียไป คือ เสื่อมสภาพ ด้วยวัยเพียง 20 ปี...
นั่งสมาธิก็เช่นกัน...จนในที่สุด หมอนรองกระดูกที่เอว ก็ร้าว และหมอสั่งให้พักอยู่ 1 เดือน
หมอบอกว่าตรงนี้จะเป็นจุดอ่อนแผลเป็น และจะมีอาการกำเริบขึ้นได้ หากวันใดยกของผิดท่า....

ปฏิบัติธรรม โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ตายเป็นตาย...
พูดกันเยอะครับ...แต่มีกี่คนที่เกิดความตายอยู่ตรงหน้าแล้ว ยังคงไม่หวั่นไหว...
จนเมื่อผ่านความตายแล้ว...ได้เห็นสภาวะธรรม อันไม่มีเหตุ ไม่มีผล ไม่มีเบื้องหน้า ไม่มีเบื้องหลัง ไม่มีปัจจัยอะไรเกี่ยวเนื่องด้วย ไม่มีที่มา ไม่มีที่ไป
ไม่มีแม้แต่ภาษาใดๆบัญญัติ คงเป็นแต่เพียงสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมๆกับความยึดมั่นถือมั่นของฑิฐิ ได้ถูกทำลายลง...

เมื่อเลยตายมาได้แล้ว สิ่งที่เกิดให้เห็นคือ อวัยวะภายใน มีความพิการ ย่อยยับให้เห็น....
และเมื่อมาพิจารณาคำสอนของครูบาอาจารย์ในกาลต่อมา ก็พบว่า มัชฌิมาปฎิปทา....ทางสายกลาง...ก่อนหน้านั้นเคยรู้ แต่ไม่เคยเข้าใจ จนได้ทำส่วนสุดสองอย่างนี้แล้ว ถึงได้เข้าใจว่า มัชฌิมาปฏิปทา อยู่ตรงไหน....

มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา
ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จด้วยใจ ....

ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้ถูกต้องแล้วทั้งสิ้น...
สำเร็จด้วยใจ...ไม่ใช่ด้วยกาย...
ผมโง่เอง....แต่ก็ต้องโง่มาก่อนฉลาด...เป็นธรรมดา....
ผมไม่ได้เสียดายอะไร...เพราะไม่ว่าร่างกายผมจะย่อยยับ หรือสมบูรณ์ดี อย่างไรก็ตาม ผมย่อมมีความตายเป็นที่สุดรอบ...
แต่ว่าก่อนจะตาย ผมได้พิสูจน์ พุทธพจน์บทพระบาลีแล้ว...เป็นพยานในพระพุทธศาสนาว่า...
ธรรมขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า มีอยู่จริง ให้ผลได้จริง สำหรับผู้ปฏิบัติจริง ย่อมได้พบของจริง ด้วยตัวของตัวเอง...

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่