เคยจนมั้ย มาแชร์วิถีคนจนกันเถอะ คนรวยเค้าไม่เข้าใจหรอก

กระทู้คำถาม
ตามนั้นเลยค่ะ มาแชร์กันเถอะ อย่างน้อยๆเพื่อให้เจ้าของกระทู้ไม่รู้สึกว่า นี่ฉันจนอยู่คนเดียวในที่แห่งนี้หรือ
ของเราบางทีจน จนต้องหยุดเรียน ไม่มีค่ารถไปเรียน บางทีกับข้าวนี่อุ่นแล้วอุ่นอีก ถ้าอาหารรสชาติไม่ห่วยจริงๆคำว่าเหลือทิ้งจะไม่มี บางทีกับข้าวอย่างเดียวกินกันสองคนกับพ่อ เสื้อผ้าสวยๆไม่ค่อยได้ซื้อใส่ มีอยู่ไม่กี่ตัว เพราะคิดว่าต้องเก็บเงินค่าเรียนค่ากินและให้พ่อแม่ใช้เวลาเค้าไม่มีก่อน การเดินเข้าซอยกลับบ้านเป็นเรื่องปกติ รอรถเมล์ฟรี ขึ้นรถอะไรก็ได้ที่ไม่เปลืองตังแม้จะยืนเกือบตลอดสายก็ตามแต่ บางทีเคยไม่มีเงินต้องบริหารเงินดีๆถึงกับต้องกรอกน้ำไปกินที่ทำงาน ห่อข้าวไปกิน เฮ่อออออ
      ในขณะเดียวกันเพื่อนๆและคนที่รู้จักไม่เป็นแบบนี้ นั่งวิน แท็กซี่ ใกล้ๆก็ไม่มีคำว่าเดิน เลิกงาน ป่ะหาไรหรูๆกินกัน เราเดินเข้าซอยเพื่อมาหาเพื่อน เพื่อนงงมากว่าเดินมาได้ไงตั้งไกล (ไกลตรงไหนวะ)
เราได้สัมผัสทั้งวิถีคนพอมีพอกิน และวิถีคนโคตรจน บอกเลยค่ะ เวลาไม่มีตังอึดอัดมาก อยากหลุดพ้นสภาพนี้ พออยู่กับแม่มีกินมีใช้ พออยู่กับพ่อนี่บางทีน้ำมันพืชยังไม่มีตังซื้อ
เหนื่อยจริงชีวิต
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 410
โห เข้ามาดูกระทู้อีกที ปาไป500กว่าแล้ว หลังจากที่เคยแชร์ประสบการณ์จน
ผมก็อ่านมาทั้งหมดแล้ว มันทำให้ผมคิดได้ครับว่า
ตอนที่เรียนหนังสืออยู่ผมก็ถือว่ามีใช้นะ ประมาณปานกลาง-รวย ซึ่งผมไม่เคยเข้าใจวิถีชีวิตของคนจนเลยครับ
ผมอยากจะขอโทษเพื่อนๆผมที่ผมพูดอะไรแบบประมาณว่า

ทำไมไม่ซื้อแบบเหมาเลยล่ะมันคุ้มกว่า (ซึ่งเพื่อนมีเงินซื้อแค่นั้นจริงๆ  แต่เราไม่เข้าใจชีวิตเขา)

คะยั้นคะยอชวนร้องเกะ เดินห้าง กิน ช๊อป ดื่ม ซึ่งเขาก็ได้ปฎิเศษเราหลายรอบแต่เราก็ตื้ออยู่นั่นแหล่ะ  บางครั้งเขาก็พูดตรงๆนะว่าเรามีเงินแค่100เดียวเองจะเอาไว้กินข้าวพรุ่งนี้ แต่เรายังจะตื้ออีกว่า เราเลี้ยงเอง   ขอโทษนะที่ทำให้ลำบากใจมาตลอด (คือผมไม่ทราบจริงๆครับ)

ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆมาผมมักจะถามเขาตลอดว่าชุดนี้ตัวนี้เป็นไงวะ รองเท้าสวยไหม คือตอนนั้นไม่ได้อวดหรือคิดไม่ดีเลยนะครับ คือเพราะว่าสนิทกันจริงๆไงครับ  มาตอนนี้ผมว่าตอนนั้นเขาคงลำบากใจอยู่นะ ขอโทษนะเพื่อน

ขอโทษที่เวลามีงานกลุ่มผมจะจัดสเปคงานให้ดีเลิศแบบใช้เงินเยอะ แต่ไม่ได้คิดถึงสถาพเพื่อนเลย  อันนี้ต้องขอโทษจริงๆ


ปล.ปัจจุบันเพื่อนที่ว่าเงินเดือน 5 หมื่นอัพ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ของเราจำฝังใจมากค่ะ  รุ่นเราเป็นรุ่นแรกที่ใช้ระบบสอบ Gat Pat แล้วต้องสอบตั้ง3ปี ม.4,5,6  ค่าสอบก็คิดเป็นรายวิชา  มันแพงมากนะสำหรับเรา  สรุปก็ไม่มีปัญญาสอบค่ะ
ขอตังแม่สอบ แม่บอกไม่มีตัง เรานอนร้องไห้เลยค่ะ  ก็ได้เกลียดอีระบบ Gat Pat นี่มาก
ตั้งระบบนี้ขึ้นมาไม่ได้คิดถึงเด็กบ้านจนมั่งเลย
ความคิดเห็นที่ 26
ความลำบากของเรา ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอ
แต่ว่า  เรื่องของเรามันจะเล็กน้อยไปเลยเพราะคนๆนึง

เค้าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเรา  เหมือนเป็นน้องชายเราน่ะแหละ เกิดหลังเราแค่ 6 เดือน
แล้วพอเค้าเกิดไม่กี่เดือน แม่ของเค้าก็เป็นมะเร็งเสียชีวิต หลังจากนั้นพ่อเค้าก็หัวใจวายเสียไปอีกคน

ญาติๆ ก็ไม่มีใครรับเด็กคนนี้ เพราะเล็กเกินไปยังใช้ทำงานไม่ได้ สุดท้ายต้องไปอยู่กับก๋งที่สติไม่ค่อยตี
ถูกด่าถูกตีบ่อยๆ  ตอนเราเด็กๆ เวลาเจอกันเราชอบแกล้งเค้าบ่อยๆ ชอบให้ยายดุเค้าบ้างตีเค้าบ้าง
เพราะยายรักเราก็เข้าข้างเรา  แต่เค้าไม่เคยโกรธเราเลย ยังชอบมาเล่นกับเราที่สุด ยิ้มให้เราอยู่เสมอ

เวลาแม่มารับเรากลับบ้าน  เค้าเดินตามเรากับแม่ไปเรื่อยๆ  จนแม่เราไล่เค้ากลับบ้านไปหาก๋ง
เราจำสีหน้าของเค้าได้ไม่เคยลืมเลย  มันเป็นรอยยิ้มที่เค้ายิ้มให้เรา แต่มันเศร้าที่สุดที่เราเคยเห็น

ไม่ใช่แค่จนอย่างเดียว  แต่ว่า เค้าอยู่แบบไม่มีใครต้องการเค้ามาตลอดชีวิตอย่างแท้จริง
...โดยที่คนอย่างเรา ไม่เคยรับรู้และสนใจอะไรเค้าเลย

ครั้งสุดท้ายเราเจอเค้า เราได้ข่าวว่าเค้าใช้ยาเสพติด  เราก็ดุว่าเค้าใหญ่
เค้าก็ได้แต่ยิ้มให้เรา ไม่เถียงอะไรซักคำ  ดูเหมือนว่าเค้าดีใจที่ได้เจอเราแค่นั้น  ยิ้มอย่างเดียว

หลังจากนั้นรู้ข่าวอีกที เค้าก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ  แต่ว่าก่อนเสียเค้าบริจาคอวัยวะให้กับสภากาชาด
และสภากาชาดก็ได้นำอวัยวะต่างๆ ของเค้า  ไปเป็นประโยชน์กับชีวิตอื่นๆ อีกหลายชีวิต

เค้าเป็นอีกคนนึงที่เราอธิษฐานให้เค้าอยู่เสมอ
ความคิดเห็นที่ 10
ตอนเด็กๆที่บ้านทำไร่มะเขือ แต่สุดท้ายขาดทุน
แม่กับพ่อต้องให้ตากับยายเลี้ยงเราแล้วเขาออกไปทำงานข้างนอก
ไม่มีเงินซื้อขนม ต้องนั่งมองปากเด็กคนอื่นกิน ไม่มีใครใจดีมาแบ่งให้เรากินหรอก
เรียนโรงเรียนรัฐบาล ค่าเทอมตอนนั้น 200 บาท จำได้ เราเป็นคนเดียวของห้องที่ขอผลัดจ่ายค่าเทอม
อายเพื่อนๆมาก เพื่อนๆก็ถามว่าทำไมไม่จ่ายสักที
ก็นะ ไม่มีเงินไปจ่ายอ่ะค่ะ ผลัดนานมาก พอมีไปจ่าย ครูถามว่าไปเอาเงินมาจากไหน
เราบอกว่า "ได้มาจากขายไก่ค่ะ"
(แม่ต้องเอาไก่ในเล้าที่เลี้ยงไว้ไปขายให้คนอื่นประมาณ 4-5 ตัวมั้ง จำไม่ได้แล้ว เพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้เราค่ะ)

หลายวิธีทำมาหากินเพื่อให้ได้เงินมาซื้อข้าวในครอบครัว เช่น จับปู ปลามาขายตอนฝนตก
ปลาไหล ปลาช่อน บลาๆๆๆ ขุดเหล็กที่ฝังอยู่ในดินชั่งกิโลขาย ตอนนั้นโลละ3 บาท
(บ้านเราสมัยก่อนเป็นเหมืองแร่อ่ะ พวกเหล็กที่เขาทิ้งมันมีเยอะ นานไปดินทับถมๆเรื่อยๆ ก็ไปสุ่มขุดเอา)
หาเห็ดเอย เด็ดพริกในป่าขายร้านค้าเอย หาเตา(สีเขียวๆที่อยู่ตามบ่อน้ำ)ขายเอย

บ้านนะ เป็นบ้านที่เถ้าแก่เหมืองแร่ยกให้ ซึ่งแต่เดิมเป็นบ้านคนงานกั้นๆเป็นห้องๆ พอได้ก็มาโมเอาใหม่เอง
เวลาฝนตก อย่างที่โน๊ต อุดมบอกเลย เสียงดนตรีนี่เราถูกบ่มเพาะมาแต่เด็ก ตุ้ม ต่อม ต๊อม แต่ม โตก ติ้ว
กะละมัง 10 ลูกเอาไม่อยู่ ห้องนอนก็ต้องเอาผ้ายางผูก 4 แจ่งบนเหนือมุ้ง
ไม่งั้นฝนตกได้นอนแบบอารมณ์นอนแช่อ่างน้ำแน่ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อีกเยอะแยะมากมาย หนึ่งหน้ากระดาษก็ไม่พอให้เขียนความยากจนของบ้านเราสมัยก่อนหรอก
ความคิดเห็นที่ 12
ตอนอายุสัก17 ต้องเดินไปทำงานหลายกิโล ขากลับเลิกงานตี3โชคดีที่เจ้านายใจดีแวะมาส่งหน้าปากซอย
ตอนหิวข้าวต้องหุงข้าวกินกับหอยดอง (แม่เป็นแม่ค้าขายส้มตำ) มีครั้งนึงฝนตกหนักมากๆ กำลังขี่รถพ่วงกลับบ้านกับแม่ รถพ่วงเก่าๆดันดับ ต้องเข็นรถกลับบ้านประมาน3ทุ่ม ฝนตกหนักมากถนนไม่มีใครเลยมีแต่สองคนแม่ลูก แม่เป็นหนี้นอกระบบ หาเช้ากินค่ำจริงๆบางวันส่งรายวันหมดจนไม่มีเงินซื้อขอขายเคยมีคนมายืนด่าแม่ที่หน้าร้าน ทวงเงินทั้งๆที่แม่เป็นแค่คนค้ำและไม่ได้เป็นคนกู้ส่งให้คนหนีตลอดแต่หยุดแค่2-3วันเพราะไม่มีเงินส่ง แม่เคยหิวและไม่มีเงินสักบาท ให้เอาแบงรุ่น60บาทที่ออกมาให้สะสมไปถามว่าใครอยากได้แลกไหม. แม่เคยนอนหลบเจ้าหนี้ที่ใต้โต๊ะขายส้มตำ เป็นภาพความจนที่น่ากลัวมาก ความจนมันน่ากลัวจริงๆคะ. ตอนนึ้เราโตพอที่จะทำงานหาเงินมาจุนเจือที่บ้านได้แล้วแม่หมดหนี้ มีทองใส่เหมือนที่แกฝัน เราผ่อนบ้านใกล้จะหมด ชีวิตตอนนี้ขี่รถพ่วงเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเงินในกระเป๋าและไม่มีหนี้ เราสองคนมีความสุขสุดๆไปเลยคะ
ความคิดเห็นที่ 35
ตอนเด็กจำความได้ที่บ้านจนมากถึงขนาดว่าเคยกินข้าวกับเกลือ แม่กับพ่อจบแค่ป.4 พ่อกับแม่ทำงานเป็น รปภ ที่ตลาด บ้านโดนตัดไฟบ่อยมากจุดเทียน บางครั้งแม่ไม่มีเงินซื้อข้าวสารก็ต้องไปยืมคนอื่น พอเริ่มโตมาหน่อยพ่อก็มาขับวินกินแต่เหล้า แม่มาขายขนมปังปิ้ง ส่งพวกเราเรียน จนเหมือนเดิม ไม่มีอย่างบ้านคนอื่นๆ ในซอยหรอก อาหารในห้างไม่ได้กินถึงแม้จะเป็นคนกรุง อาหารวัดนี้ถามซิ บอกได้ว่ารสชาติเป็นแบบไหน จำทุกอย่าง จำทุกคำพูด จำทุกการกระทำที่คนมีกินดูถูก ต้องขอบคุณแม่นะ ถึงแม่จะพิการแต่ก็ยืนขายขนมปังปิ้ง ส่งพวกเราเรียนจนจบ บางครั้งเห็นแม่เข็นรถขนมปังออกมาขายหกล้ม เป็นภาพที่บาดใจมากๆ เกลียดความจน แต่เพราะความจนทำให้ฉันดิ้นร้น ออกมาจากบ้านตอนอายุ 16 เรียนวิชาชีพ ที่สมุทรปราการ พอ 17 ก็ไปเรียนต่อ ที่พัยทา พอ 19 ก็ทำงานประจำ จนทุกวันนี้ครอบครัวดีขึ้นมากๆ ไม่อดยากแบบเมื่อก่อน แต่นิ่งนอนใจได้ที่ไหนความจน ฉันเลยต้องดิ้นร้น เรียนไปทำงานไปต่อนี้ ก็หวังว่าจะรวยสักวัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่