ปั่นจักรยานลดน้ำหนักได้จริง ๆ หรือครับ

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ
บอกก่อนว่าที่มารีวิวนี่ แค่อยากสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอ้วนทุกคนที่คิดว่าคงลดน้ำหนักไม่ลงแล้วชาตินี้ เพราะไม่อยากอดอาหาร และท้อแท้กับการออกกำลังกายลดความอ้วน ถึงแม้วันนี้ผมยังลดได้ไม่มาก แต่ก็พอใจกับการตั้งใจครั้งนี้แล้วครับ อาจจะไม่ได้เก็บสถิติเป็นเรื่องเป็นราวมากเท่าไร แต่ก็พอจะนำไปเป็นตัวอย่างได้ครับ ลองมาอ่านกันครับ
ตอนแรกๆเลย ผมรู้สึกเฉยๆ กับการปั่นจักรยานมาก เอาจริงๆนะ...รู้สึกว่าคนที่ปั่นๆกัน เป็นสิบๆ ร้อยๆ พันๆ กิโลเมตร เขาคิดอะไรกัน และปั่นไปทำไมกัน ไม่กลัวอุบัติเหตุกันหร่อ ... จนวันนี้ไดลองมาหัดปั่นดู ก็ถึงรู้คำตอบนี่แหละครับ
ก่อนหน้านี้ผมพยายามหลายวิธีมากในการลดน้ำหนัก ว่ายน้ำ วิ่ง ตีแบต T29 พร้อมกับควบคุมอาหาร แต่ก็ลดลงได้ 1-2 โล ก็อดใจที่จะหยุดกินไม่ได้ บางทีออกกำลังกายก็เหนื่อยจนท้อเพราะความขี้เกียจนี่ละครับ ก็เลยเลิกมาหลายครั้งหลายหน จนหมดวิธีแล้วก็ล้มเลิก และก็หันหลังมากินๆ ต่อเหมือนเดิม ที่กินบ่อยที่สุดในรอบ 2 ปีนี้ก็บุฟเฟต์แหละครับ 199 299 399 499 ไปจนถึงหลักพันบาท ไม่ว่าจะไทย เกาหลี ญี่ปุ่น ฟาดเรียบทุกร้านที่เปิดใหม่แถวๆนี้ บางทีเหาะไปกินถึงโรงแรมดี ๆ 4-5 ดาวในกรุงเทพฯก็ไป ไม่เคยท้อเลยเรื่องกินเลยอะครับ จนน้ำหนักพุ่งมา 115 กก. แถมยังได้โรคประจำตัวมาด้วยครับ คือ ไขมันกับไตรกีเซอร์ไลน์สูง ทำให้หมอนัดทุก 2-3 เดือนเลยครับ ต้องกินยาควบคุมทุกวันด้วย
ขอเล่าย้อนไปหน่อยครับ สมัยเรียนผมหนักประมาณ 75-77 ก็หุ่นประมาณรูปนี้


ผมเคยเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลของมหาลัย ซ้อมหนัก แข่งบ้าง เล่นเองด้วยทุกวันกับเดอะแก้งค์ และก็มีว่ายน้ำด้วยก่อนเล่นวอลเลย์บอล ผมว่ายได้ 1 ชม ไม่หยุดเลย คือฟิตสุดๆ ตอนนั้นเป็นคนที่กินเยอะครับ กินจุกจิก แต่ออกกำลังกายเยอะเลยน้ำหนักเลยคงที่ และไม่อ้วนครับ
พอเรียนจบได้ทำงานในโรงแรม.. เค้ก ขนมหวาน อาหารนานาชาติ อาหารทะเล ก็ฟาดเรียบ (เพื่อนเป็นกุ๊กจัดให้ตลอด) จนรู้สึกว่าตัวเองใส่ชุดเดิมๆไม่ได้แล้ว และน้ำหนักที่ขึ้นมาเกือบ 105 กก. แล้วครับ ไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย เข้ากะด้วย หุ่นผมเลยขึ้นมาขนาดนี้ได้

พอย้ายมาทำงานโรงงานที่อยุธยา ไม่ได้กินของในโรงแรมแล้ว แต่ก็ไม่ได้ออกกำลังกายเลยเหมือนเดิม ทำแต่โอที... แต่ที่โหดร้ายไปกว่านั้นคือรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมกับเดอะแก้งส์ที่ชวนกันตะลอนกินบุฟเฟต์แบบไม่คุ้มไม่กลับบ้านอะ บุกลุยไปทุกที่แบบที่เกิ่นไว้ข้างบน ทำให้น้ำหนักผมขยับมา 115 โดยไม่ได้ตั้งตัวเลยครับ



จนรู้ตัวอีกทีไม่ไหวแล้ว ต้องหยุดพฤติกรรมกินบุฟเฟต์ เพราะหมอเตือนแล้ว เพิ่มยาด้วย และหาไซส์เสื้อผ้าลำบากสุดๆ ผมเลยเริ่มออกกำลังกาย ก็มีว่ายน้ำ ตีแบด 30 นาทีช่วงพักกลางวันบ้าง ตีวอลเลย์บอลบ้างอาทิตย์ละครั้ง จนตัวเลขค่าต่าง ๆ ของโรคประจำตัวดีขึ้น น้ำหนักลดลงนิดหน่อย สวิงๆ 110-112 กก. คงที่ครับ (ล่าสุดที่ช่างก่อนปั่น 110 ครับ)


ในที่สุดผมก็เริ่มเข้าถึงจักรยาน เพราะสักเกตเห็นเพื่อนที่โรงงาน 2 คนผอมลงอย่างเห็นได้ชัดมาก (ลดมาคนละ20 กก.) เลยเข้าไปถามเขาทั้งคู่ว่าทำไงกันหร่อ? เขาเลยบอกว่าปั่นจักรยานอย่างเดียว “เท่านั้น”
(เขาติดกันงอมแง่ม) ซื้อคันหนึ่งเกือบแสน อีกคนก็เกือบสามหมื่น โห่..แว้ปแรก..ในใจคิด บ้าไปแล้ว เสี่ยงก็กับเสี่ยงอุบัติเหตุ แถมคนต่อว่ากันเพี้ยบ ลงทุนไรขนาดนั้น... เอาไงดี? แต่ก็คิดวนเวียนๆ ตลอดว่าจะลองๆ แต่คงไม่ลงทุนซื้อแพงขนาดนั้นแน่ๆ
บังเอิญนึกได้ว่าเคยมีลูกค้าที่พ่อติดตั้งแอร์ให้ เป็นชาวต่างชาติ เคยให้จักรยานพังมาตั้งแต่ก่อนน้ำท่วมนู้น (เกือบ4ปีและครับ) เป็นของ Giant พอไปวัดไปวาได้ เสืออะไรไม่รู้เหมือนกัน จมน้ำไม่ขยับมาน้านนาน เลยลองไปซ่อมดู ... โอ้ว...แม่เจ้า ค่าซ่อมเกือบ 8000 ครับ เปลี่ยนนั้นนู้นนี่ ยางนอกใน ... สิ่งที่คิดขึ้นมาคือ... ทำไงผมจะปั่นให้คุ้มกับ 8000 ที่จ่ายไปนี้ดี
ก็มาลองหัดปั่นเล่น ๆ ครับ เริ่มต้นจากถนนแถวบ้านเป็นคอนกรีต เชื่อมกับ ลาดยางสวนเลนส์ ไม่มีรถวิ่งเท่าไร ปลอดภัยดีครับ ปั่นขาไปจนสุดถนน 6 กม. กว่าๆ ... และก็พักหายใจเกือบครึ่งชั่วโมง เหนื่อยครับ...ใจจะขาด และก็ปั่นกลับบ้าน


ผมเริ่มปั่นประมาณปลายเดือนสิงหาคม – กันยายน – จนถึงวันนี้  แรกๆไม่ได้ปั่นทุกวันนะครับ อาทิตย์ละ 3-4 วัน ขึ้นอยู่กับเวลาและโอกาสเพราะเป็นหน้าฝน แต่ก็พยายามปั่นบ่อยๆ และเพิ่มระยะทางขึ้นเรื่อยๆ ครับ โดยเริ่มจากปั่นไปกลับทางเดิมแบบไม่หยุด


จริงๆ ผมโหลดแอพพลิเคชั่นมาช่วย และมาเห็นทีหลังว่ามี GPS พอวิชาแกร่งกล้าขึ้น ก็เลยลองเลือกเส้นทางใหม่ๆ พร้อมกับเพิ่มระยะทางในตัวด้วยครับ



5 ปีที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ จากที่ไม่เคยรู้จักเส้นทางแถวๆบ้าน ก็ทำให้เรารู้จักมากขึ้นเพราะการปั่นจักรยานนี่ละครับ ไปเส้นทางใหม่ ๆ สลับ ๆ ไปเรื่อย จนรู้สึกสนุก และหลงรักมันขึ้นทุกทีๆ แต่บางเส้นก็ต้องระวังสุดๆ เกือบท้ออีตอนโดนหมาไล่กัดนิ

ต่อมาผมเริ่มปั่นจริงจังคือแบบเกือบทุกวันก็เมื่อปลายเดือนกันยายนนี้ละครับ บางวันก็ตื่นมาปั่นแต่เช้ามืดเลย เลิกงานกลับถึงบ้านสองทุ่มก็ออกมาปั่น จากเคยเป็นคนกลัวผี ก็เลิกกลัวไปเลยครับ (ถนนที่บ้านไม่มีไฟทางนะ) ซึ้อไฟฉาย ชุด ไฟกระพริบ ฯลฯ แบบพร้อมมากสำหรับเวลากลางคืน ปั่นประมานเช้า 12 กม. เย็น 12 กม. บางวันก็รอบเดียวบางวันก็สองรอบ แต่เสาร์-อาทิตย์จะจัดหนักเลยครับ ค่อย ๆ เพิ่มระยะทาง 30 กม. จนล่าสุด 50 กม. แบบไม่หยุดครับ (เป้าหมายต่อไป 70 กม.) ผมคิดเสมอว่าไปเรื่อยๆ แต่ไปอย่างต่อเนื่อง ไม่แข่งกับใครครับ



ผมรู้สึกขามีกล้ามเนื้อมากขึ้น เริ่มกลับมาแข็งเหมือนตอนเป็นหนักกีฬามหาลัย แขนก็เริ่มมีกล้ามเนื้อแข็งๆ คิดว่ามาจากการแกร็งตอนจับแฮนด์ปั่นครับ ตอนนี้ผมเริ่มลงไปสู้กับหมาและครับ ทำตัวใหญ่ ๆ คำรามใส่มันถ้าไม่เยอะ 1-2 ตัวก็หยุดแล้วลงไปทำท่าจะเตะเลย ต้องเจอบทโหดแหละ มันเลยหนีกันกระเจิง (แต่วันก่อนเจอ 8 ตัวเขาคงปล่อยมาอุจาระ หนีเกือบไม่ทัน ตามผมมาไกลมาก ว่าง ๆ ว่าจะลองเข้าไปคุยกับเจ้าของบ้านเหมือนกัน เลี้ยงแบบนี้ต้องระวังคนอื่นด้วย มันเป็นทางสาธารณะ .. ไม่รู้เขาจะว่าไงนะครับ)

ส่วนอาหารผมก็ยังคงกินปรกติตั้งแต่แรกนะครับ เช้า-กลางวัน ยกเว้นมื้อเย็น ที่ลดมาเหลือแค่ฟักทองต้ม 4-5 เสี้ยว + เนื้อ 1 ชิ้น (เนื้ออะไรก็ได้ไขมันน้อยๆ) +บล้อกโคลี่ หรือ กระหล่ำซอย + แอปเปิ้ลหรือผลไม้ที่หาได้ น้ำสลัดนิดหน่อย สลับๆกินไป แต่ผมก็ยังคงกินเยอะนะครับกลัวหิวดึก แต่หลัง ๆ ชินก็เริ่มลดปริมาณลงบ้างแล้ว


จนต้นเดือนนี้หลายคนมาทักผมว่า ไปทำไรมาผอมลงไปหน่อยแล้วนะและผุงยุบไปแล้ว ผมเองก็วัดน้ำหนักตัวเองตลอด... มันค่อยๆ ลดลงทีละนิดๆๆ วันต่อวันเลย ลงที่ 1-2-3-4 ขีด จาก 110 กก. ที่ทำยังไงก็ไม่ลง ณ วันนี้ล่าสุดผมชั่งเหลือ 100 กก. นิดๆ แล้วครับ (เพิ่งทานข้าวเช้าด้วย) คิดว่าชุดฟอร์มที่ใส่ก็หนักเกือบ 1 กก. ได้ อยากจะแก้ผ้าชั่งใจจะขาด เพราะลุ้นให้ต่ำกว่า 100 กก. ในรอบกี่ปีไม่รู้


และวันที่ 7-8 ที่ผ่านมาผมไปเที่ยวกระบี่กับคุณแม่มา ผมรู้สึกว่าผมถ่ายรูปออกมาดูแล้วตัวเองดูซอฟขึ้นกว่าเดิม ไม่ได้ผอมนะครับ แต่ดูมีกล้ามมากขึ้น จากที่ผมไม่เคยถ่ายรูปตัวเองมานานเลยเพราะอ้วนแพละ ไปเที่ยวไหนก็เน้นแต่ถ่ายวิว มันทำให้ผมรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงได้เลยครับ มันใจขึ้นอีกนิด... นี่เป็นเพราะผมปั่นจักรยานแค่นั้นเองนะครับ ...



สุดท้ายผมได้คำตอบแล้วว่าทุกวันนี้ผมปั่นไปทำไม และผมก็รู้แล้วว่าคนเหล่านั้นปั่นไปเพื่ออะไรกัน ไม่ใช่แค่ลดน้ำหนัก แต่เพื่อสุขภาพที่ดีครับ และผมคิดว่าการปั่นจักรยานเป็นการออกำลังกายที่ดีและได้ผลที่สุดสำหรับผมครับ และผมก็จะพยายามปั่นต่อไป *-* ผมตั้งใจให้เหลือ 90 กิโลภายในธันวาคมนี้ จะมารีวิวให้ดูครับ (ถ้าไม่ท้อสะก่อน) แต่ก็ซื้อชุด และก็จะหาซื้อหมวกมาใส่แบบเต็มตัวแล้ว ... ส่วนพาหนะคันใหม่ คงต้องรอไปก่อน *-*


สุดท้ายผมอยากบอกว่าคนที่ต้องการลดน้ำหนักและทดลองมาหลายวิธีแต่น้ำหนักไม่ลงสักที ลองหาที่ทางและหาจักรยานมาเริ่มปั่นกันนะครับ อาจจะหาทางออกที่ดีที่สุดด้วยจักรยานแบบผม ดีกว่าไม่เริ่มทำอะไรเลย (นี่น้องที่ออฟฟิศผมก็จะเริ่มตามมาปั่นจริงจังกันแล้ว) สู้ต่อไปครับ โชคดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่