สวัสดีชาวพันทิปนะครับ นี่ก็ครั้งแรกเลยที่ได้มาลองรีวิวที่ที่ไปเที่ยวมา ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
จริงๆเคยเขียนแบบสั้นไว้ใน instagram ของผมเอง
@mathahuan ยังไงใครอยากอ่านสั้นๆ ลองไปอ่านเล่นๆในนั้นก่อนก็ได้ครับ
แต่อันนี้ลองเอามาลงพันทิปดู เพราะบางรายละเอียดก็ต้องอธิบาย กันยาวนิดนึง ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ
สําหรับกระทู้นี้จะพาไปเที่ยว
“ เชียงใหม่หน้าฝน ” กัน
แรกเริ่มทริปนี้เป็นทริปกะทันหันมากๆ ผมกับเพื่อนนั่งดูตารางการลดราคาของเครื่องบิน จากนั้นไม่นานก็เลยเลือกเป็นเชียงใหม่ เพราะติดใจจากเมื่อตอนต้นปีที่มีโอกาสได้ไป ม่อนจองกันมา แล้วครั้งที่แล้วก็โชคร้ายอีกตรงที่ไปหน้าหนาว แต่ฝนตก ครั้งนี้ก็เลยรู้สึกว่าฝนตกก็ไม่เป็นไรแล้ว ภูมิต้านทานเริ่มมี ยังพอหาที่เที่ยวได้บ้าง หรือถ้ามันจะโชคร้ายมากๆขนาดตกทุกวัน อย่าง น้อยก็ยังได้ไปพักผ่อนในตัวเมือง แถวนิมมาน แล้วเดินไปนั่งตามร้านคาเฟ่ต่างๆ ก็ยังพอโอเค...
[ วันแรก : ไปไปเชียงใหม่กันเต๊อะ ]
ตัดภาพมาวันที่ 19.07.58 | สําหรับทริปนี้เดินทางกันไปทั้งหมด 7 คนครับ ทุกคนก็ เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกันหมด
โดยการเดินทางครั้งนี้ไปกับไทยไลอ้อนแอร์ครับ
| ราคาเครื่องไป-กลับ ก็ตกอยู่ที่ประมาณคนละ 1,500 บาท |
( 7 นาฬิกา )
..... ถึงเชียงใหม่แล้วจ้า ..... เดินทางมาถึงเชียงใหม่ในช่วงเวลาที่เช้ามาก เช้ากว่าไปโรงเรียนอีกให้ตายเถอะ มาถึงก็เริ่มจากต้องหาร้านนั่งฆ่าเวลาอันแสนสาหัส เพราะว่าโรงแรมที่จองไว้มันเข้าได้ช่วงบ่ายสองครับ แล้วนี่คือถึงกันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า....
ในกลุ่มเพื่อนก็เลยลองหาข้อมูลดูว่าจะกินอะไรดี หลายคนก็บอกอยากกินอะไรร้อนๆ ก็เลยเล็งไว้ว่า อยากหาร้านขายโจ๊ก...
ก็เลยไปร้าน “ ไข่กระทะเลิศรส ” อ่ะงงเลยสิแล้วบอกอยากกินโจ๊ก แต่ร้านนี้ก็มีโจ๊กขายเหมือนกันครับ แล้วราคาก็น่ารักมากด้วย
ร้านนี้มันมีขายทั้งไข่กระทะที่เป็นของ เด็ดของทางร้าน แล้วก็มีเป็นโจ๊ก แล้วก็พวกอาหารเช้าต่างๆมันจะมีที่ขายเป็นเซ็ตด้วย
คือจะมีไข่กระทะ + น้ําส้ม (แก้วไซส์น่ารักๆหน่อย) + หนมปังกรอบๆผ่าตรงกลางข้างในใส่ หมูยอแล้วก็กุนเชียง
ซึ่งเซ็ตนี้ก็ราคาประมาณ 75 บาทครับ จัดว่าคุ้มน้า อร่อยด้วย น้ําส้มคั้นสดมาก
น้ํามะพร้าวที่นี่ก็อร่อยครับ คือมีทั้งน้ําทั้งเนื้อ กินที่กรุงเทพบางทีมาเป็นวิญญาณมะพร้าวเลย มะพร้าวเหี่ยวด้วย
ใส่มาชิ้นสองชิ้นให้รู้ว่านี่ฉันเอง ฉันคือน้ํามะพร้าว ส่วนชานมก็โอเคเลยนะครับ เป็นร้านที่พึ่งเคยมาครั้งแรก แต่ก็แนะนําให้ลองมากันดูครับ
(ร้านอยู่ตรงใกล้ๆกับประตูเมืองเชียงใหม่ ถนนพระปกเกล้า)
อิ่มจากไข่กระทะพอประมาณก็เดินมาถ่ายรูปเล่นกัน สักพักนึง เพื่อนก็เสนอมาว่าไปนั่งร้าน Ristr8to กันเค้าบอกว่ากาแฟที่นี่รสชาติดีมาก
ก็เลยเรียกรถแดงไปกัน (พิกัดร้านอยู่ที่นิมมานซอย 3 นะครับ ร้านก็ค่อนข้างเด่นอยู่ ร้านจะเป็นสีดํา ไม้ๆเหล็กๆ)
พอดีผมเป็นคนไม่กินกาแฟฮะ ก็เลยไม่ได้สั่งเลย ได้แต่นั่งนิ่งๆแล้วถ่ายรูป
แต่เพื่อนที่ได้ชิมกาแฟมาก็บอกเป็นเสียงเดียวกัน ว่ากาแฟเค้าดีจริงๆ และเข้าใจแล้วว่าทําไมเค้าถึงค่อนข้างดังในเชียงใหม่
เราสายไม่กินกาแฟ ก็รอถ่ายรูปอย่างเดียวครับจังหวะนั้น 5555555555555
ส่วนราคานี่จําตัวเลขแน่นอนไม่ค่อยได้ครับ แต่แก้วนึงไม่ถึง 100 บาท มีเพื่อนสั่ง คาปูชิโน่ กับมอคค่ามาอย่างละถ้วย
ส่วนเพื่อนกลุ่มผู้หญิงก็สั่งเป็นไอศครีมมากินกัน ลูกละ 38 บาท รสชาติอร่อยใช้ได้เลยครับ
สักพักก็ได้โทรไปติดต่อกับโรงแรมที่จะเข้าไปพัก โรงแรมที่พักสําหรับคืนแรกคือ “ Chalnatt Hotel ” ครับ
โรงแรมนี้ตั้งอยู่ที่นิมมานซอย 11 ครับเค้าจะอยู่ตรงข้ามร้านเนื้อตุ๋นรสเยี่ยม ตรงสี่แยกกลางซอย 11 เลยครับ
โรงแรมนี้เพื่อนก็เป็นคนจัดหามาให้อีก ทําการติดต่อมาโดยตรงกับทางที่พัก ซึ่งเหมือนจะราคาถูกกว่าถ้าเกิดจองใน agoda
อันนี้พวกเรามาทั้งหมด 7 คน แต่จริงๆแล้วในห้องพักเนี่ยมันจะมีพอสําหรับห้องละสองคนนะครับ ตอนแรกก็เกือบ
จะต้องมีผู้เสียสละหาห้องใหม่แล้ว แต่ด้วยความที่วันนั้นทุกห้องของทางโรงแรมเต็มหมดแล้ว บวกกับการต่อรองหลายรอบ
เค้าเลยบอกว่าได้ ครับแต่ว่าเพิ่มหัวละ 500 บาท ซึ่งเราก็โอเคเพราะว่ามันก็คุ้มค่าพอตัวอยู่
อันนี้ก็เป็นภาพบรรยากาศของห้องนอนของห้องผมนะครับ
มันค่อนข้างมีสไตล์มาก คือมันสวยและให้ฟีลเหมือนเราไปพักผ่อนแถบตะวันตกมากๆ
| ราคาต่อห้อง ห้องละประมาณ 1,250 บาท นอนห้องละสองคน ก็ตกคนละ 625 บาทครับ |
*สําหรับใครที่อยากมาพัก ต้องรีบๆจองกันนะครับ ที่นี่เต็มค่อนข้างเร็วมีคนเข้ามาใช้บริการตลอด*
มาถึงห้องปั๊ปก็สลบเลยครับ ตื่นมาอีกทีก็ตอนเย็นเลย เลยมาคิดกันว่าจะไปไหนกันดี เพื่อนก็เสนอว่าไปถนนคนเดินมั้ย
เพราะมันมีเสาร์อาทิตย์แต่ว่าวันเสาร์กับอาทิตย์จะจัดคนละที่กัน สําหรับวันที่ไปเป็นวันอาทิตย์ มันจะอยู่ตรงหน้าวัดพระสิงห์เลยครับ
ก็เลยลองไปดู เพราะว่านี่คือการเดินถนนคนเดินครั้งแรกที่เชียงใหม่ของพวกเรา
เดินไปสักพักเริ่มเกิดคําถามในใจว่า
“ นี่ยาวเท่าไหร่หรอ... นี่จะเดินไปถึงภูเก็ตรึยัง ” ยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แต่ระหว่างทางก็มีอะไรให้ดู
เยอะแยะเลยครับ ร้านนั้นร้านนี้ ขายของพื้นเมืองมั่ง อะไรมั่ง ชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะมากครับ
จบวันนั้นที่ได้มาก็มีของจุกจิกนิดหน่อยครับ และวันนั้นรู้สึกล้ากันมากเพราะมาถึงกันตั้งแต่เช้า ที่นอนไปก็ยังไม่พอเลยไว้
ค่อยมาต่อกันใหม่พรุ่งนี้เช้าแล้วกัน และแล้วก็เดินทางกลับที่พักเหมือนเดิม
[ วันที่สอง : วันนั่งรถแห่งชาติ ]
ตื่นเช้ามาคนแรกด้วยหัวใจอันเบิกบาน (มากมั้ยล่ะ) เดินลงมาพี่พนักงานก็ถามเลยครับว่าตื่นกันหมดรึยัง เพราะเดี๋ยวพี่เค้า
จะรีบไปเอาอาหารเช้าออกมาให้ พนักงานที่นี่น่ารักมากครับ พูดจาดี บริการดี ยิ้มแย้มตลอด สําหรับอาหารเช้าก็จะมีให้เลือกสองแบบ
ว่าจะเอาไข่ดาว หรือไข่คน นี่เลยเลือกเป็นไข่คนมา เค้าจะเสิร์ฟมาพร้อมกับหนมปังแล้วก็ไส้กรอกครับ เป็นอาหารเช้าง่ายๆแต่ว่าโอเคเลย
แพลนสําหรับวันนี้คือตั้งใจจะเดินทางไปพักผ่อนกันที่
อ่างขาง ครับ
โดยเริ่มจากการที่เราต้องนั่งรถแดง ไปลงที่ท่ารถช้างเผือกก่อนครับ พอไปถึงปั๊ป
ก็หารถเมล์ที่เขียนว่า “เชียงใหม่ - ท่าตอน” ครับ ค่ารถก็อยู่ ที่คนละ 75 บาท ก็คุ้มครับ
นั่งกันตูดหายเลย เพราะนานมากกว่าจะถึงใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง
จนในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทาง นั่นก็คือ “วัดหาดสําราญ” ตรงจุดนี้จะมีรถคอยบริการสําหรับ
คนที่ต้องการเหมาเดินทางไปยังอ่างขางครับ... ราคาถูกจัดตามโปรโมชั่นนี้ เชิญคุณลูกค้าลองเลือกเลยครับ
800 บาท ( ไปอย่างเดียว )
1,200 บาท (ไป-กลับ ไม่พักค้างคืน)
1,400 บาท (ไป-กลับ พักค้างคืน แต่ไม่เที่ยว)
1,700 บาท (ไป-กลับ พักค้างคืน เที่ยวด้วย)
“ เที่ยวด้วย ” ในที่นี้หมายถึง พี่คนขับรถเค้าก็จะพาไปชมที่เที่ยวต่างๆเช่นโซนเกษตรในอ่างขาง ไปขอบด้ง
ไปไร่ชา ไปหมู่บ้านนอแล แถวๆเขตชายแดน ไทย-พม่า ไปจุดชมวิวม่อนสน ประมาณนี้ครับ
สําหรับพวกผมเลือกเป็น ที่พัก AK ก็จองไว้สามห้องครับ ติดกันเลย ตกคนละ 325 บาท ที่พักก็โอเคนะครับ
ให้ความรู้สึกแบบบ้านพักตากอากาศจริงๆ ข้างในไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลมนะครับ แต่รับรองว่าอากาศไม่ร้อนแน่นอน
จากนั้นพี่คนขับรถก็บอกว่าจะพาไปกินข้าวตรงใกล้ๆแถวโครงการ มันจะเป็นร้านอาหารบ้านๆ ออกแนวเวียดนามหน่อยๆ
ก่อนออกเดินทางก็ได้รูปนิดหน่อยครับ เพราะว่าตอนนั้นยังไม่มืดมาก แสงยังพอมี ทําให้ยังพอมีรูปได้อยู่บ้าง
และเช่นเดิมครับ ไม่มีรูปผมเหมือนเดิม 5555555555555555555
สักพักก็มีสาวสวยเดินมาขายของน่ารักๆ เดินมาด้วยรอยยิ้มแบบใสๆถามว่าเอามั้ย ราคาก็น่ารักมากด้วย
อันละ 5-10 บาทเท่านั้นเอง สาวน้อยก็น่ารักมากๆนั่งลงขายแบบกันเองแนะนําชิ้นนั้นชิ้นนี้ รู้ตัวอีกทีก็ซื้อกันไปหลายเส้นแล้วครับ
ระหว่างนั้นก็เลยขอจับภาพหน่อย
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับที่พักครับ ก็เข้าไปนอนเล่นคุยกันเฮฮาตามปกติ แล้วด้วยความที่แพลนที่ถูกวางเอาไว้
ตอนแรกคือ พรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับเข้าเมืองไปพักที่นิมมาน แล้วหาโรงแรมแถวนั้นนอนเล่นเอา ก็เลย
ชาร์ตแค่โทรศัพท์ไว้ แบตสํารองช่างมัน... และทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
[CR] [CR] CHIANGMAI TRIP : แบกกระเป๋ามาเอาความสุขที่เชียงใหม่
จริงๆเคยเขียนแบบสั้นไว้ใน instagram ของผมเอง @mathahuan ยังไงใครอยากอ่านสั้นๆ ลองไปอ่านเล่นๆในนั้นก่อนก็ได้ครับ
แต่อันนี้ลองเอามาลงพันทิปดู เพราะบางรายละเอียดก็ต้องอธิบาย กันยาวนิดนึง ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ
สําหรับกระทู้นี้จะพาไปเที่ยว “ เชียงใหม่หน้าฝน ” กัน
แรกเริ่มทริปนี้เป็นทริปกะทันหันมากๆ ผมกับเพื่อนนั่งดูตารางการลดราคาของเครื่องบิน จากนั้นไม่นานก็เลยเลือกเป็นเชียงใหม่ เพราะติดใจจากเมื่อตอนต้นปีที่มีโอกาสได้ไป ม่อนจองกันมา แล้วครั้งที่แล้วก็โชคร้ายอีกตรงที่ไปหน้าหนาว แต่ฝนตก ครั้งนี้ก็เลยรู้สึกว่าฝนตกก็ไม่เป็นไรแล้ว ภูมิต้านทานเริ่มมี ยังพอหาที่เที่ยวได้บ้าง หรือถ้ามันจะโชคร้ายมากๆขนาดตกทุกวัน อย่าง น้อยก็ยังได้ไปพักผ่อนในตัวเมือง แถวนิมมาน แล้วเดินไปนั่งตามร้านคาเฟ่ต่างๆ ก็ยังพอโอเค...
ตัดภาพมาวันที่ 19.07.58 | สําหรับทริปนี้เดินทางกันไปทั้งหมด 7 คนครับ ทุกคนก็ เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกันหมด
โดยการเดินทางครั้งนี้ไปกับไทยไลอ้อนแอร์ครับ
| ราคาเครื่องไป-กลับ ก็ตกอยู่ที่ประมาณคนละ 1,500 บาท |
( 7 นาฬิกา )
..... ถึงเชียงใหม่แล้วจ้า ..... เดินทางมาถึงเชียงใหม่ในช่วงเวลาที่เช้ามาก เช้ากว่าไปโรงเรียนอีกให้ตายเถอะ มาถึงก็เริ่มจากต้องหาร้านนั่งฆ่าเวลาอันแสนสาหัส เพราะว่าโรงแรมที่จองไว้มันเข้าได้ช่วงบ่ายสองครับ แล้วนี่คือถึงกันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า....
ในกลุ่มเพื่อนก็เลยลองหาข้อมูลดูว่าจะกินอะไรดี หลายคนก็บอกอยากกินอะไรร้อนๆ ก็เลยเล็งไว้ว่า อยากหาร้านขายโจ๊ก...
ก็เลยไปร้าน “ ไข่กระทะเลิศรส ” อ่ะงงเลยสิแล้วบอกอยากกินโจ๊ก แต่ร้านนี้ก็มีโจ๊กขายเหมือนกันครับ แล้วราคาก็น่ารักมากด้วย
ร้านนี้มันมีขายทั้งไข่กระทะที่เป็นของ เด็ดของทางร้าน แล้วก็มีเป็นโจ๊ก แล้วก็พวกอาหารเช้าต่างๆมันจะมีที่ขายเป็นเซ็ตด้วย
คือจะมีไข่กระทะ + น้ําส้ม (แก้วไซส์น่ารักๆหน่อย) + หนมปังกรอบๆผ่าตรงกลางข้างในใส่ หมูยอแล้วก็กุนเชียง
ซึ่งเซ็ตนี้ก็ราคาประมาณ 75 บาทครับ จัดว่าคุ้มน้า อร่อยด้วย น้ําส้มคั้นสดมาก
น้ํามะพร้าวที่นี่ก็อร่อยครับ คือมีทั้งน้ําทั้งเนื้อ กินที่กรุงเทพบางทีมาเป็นวิญญาณมะพร้าวเลย มะพร้าวเหี่ยวด้วย
ใส่มาชิ้นสองชิ้นให้รู้ว่านี่ฉันเอง ฉันคือน้ํามะพร้าว ส่วนชานมก็โอเคเลยนะครับ เป็นร้านที่พึ่งเคยมาครั้งแรก แต่ก็แนะนําให้ลองมากันดูครับ
(ร้านอยู่ตรงใกล้ๆกับประตูเมืองเชียงใหม่ ถนนพระปกเกล้า)
ก็เลยเรียกรถแดงไปกัน (พิกัดร้านอยู่ที่นิมมานซอย 3 นะครับ ร้านก็ค่อนข้างเด่นอยู่ ร้านจะเป็นสีดํา ไม้ๆเหล็กๆ)
พอดีผมเป็นคนไม่กินกาแฟฮะ ก็เลยไม่ได้สั่งเลย ได้แต่นั่งนิ่งๆแล้วถ่ายรูป
แต่เพื่อนที่ได้ชิมกาแฟมาก็บอกเป็นเสียงเดียวกัน ว่ากาแฟเค้าดีจริงๆ และเข้าใจแล้วว่าทําไมเค้าถึงค่อนข้างดังในเชียงใหม่
เราสายไม่กินกาแฟ ก็รอถ่ายรูปอย่างเดียวครับจังหวะนั้น 5555555555555
ส่วนราคานี่จําตัวเลขแน่นอนไม่ค่อยได้ครับ แต่แก้วนึงไม่ถึง 100 บาท มีเพื่อนสั่ง คาปูชิโน่ กับมอคค่ามาอย่างละถ้วย
ส่วนเพื่อนกลุ่มผู้หญิงก็สั่งเป็นไอศครีมมากินกัน ลูกละ 38 บาท รสชาติอร่อยใช้ได้เลยครับ
โรงแรมนี้ตั้งอยู่ที่นิมมานซอย 11 ครับเค้าจะอยู่ตรงข้ามร้านเนื้อตุ๋นรสเยี่ยม ตรงสี่แยกกลางซอย 11 เลยครับ
โรงแรมนี้เพื่อนก็เป็นคนจัดหามาให้อีก ทําการติดต่อมาโดยตรงกับทางที่พัก ซึ่งเหมือนจะราคาถูกกว่าถ้าเกิดจองใน agoda
อันนี้พวกเรามาทั้งหมด 7 คน แต่จริงๆแล้วในห้องพักเนี่ยมันจะมีพอสําหรับห้องละสองคนนะครับ ตอนแรกก็เกือบ
จะต้องมีผู้เสียสละหาห้องใหม่แล้ว แต่ด้วยความที่วันนั้นทุกห้องของทางโรงแรมเต็มหมดแล้ว บวกกับการต่อรองหลายรอบ
เค้าเลยบอกว่าได้ ครับแต่ว่าเพิ่มหัวละ 500 บาท ซึ่งเราก็โอเคเพราะว่ามันก็คุ้มค่าพอตัวอยู่
มันค่อนข้างมีสไตล์มาก คือมันสวยและให้ฟีลเหมือนเราไปพักผ่อนแถบตะวันตกมากๆ
| ราคาต่อห้อง ห้องละประมาณ 1,250 บาท นอนห้องละสองคน ก็ตกคนละ 625 บาทครับ |
*สําหรับใครที่อยากมาพัก ต้องรีบๆจองกันนะครับ ที่นี่เต็มค่อนข้างเร็วมีคนเข้ามาใช้บริการตลอด*
เพราะมันมีเสาร์อาทิตย์แต่ว่าวันเสาร์กับอาทิตย์จะจัดคนละที่กัน สําหรับวันที่ไปเป็นวันอาทิตย์ มันจะอยู่ตรงหน้าวัดพระสิงห์เลยครับ
ก็เลยลองไปดู เพราะว่านี่คือการเดินถนนคนเดินครั้งแรกที่เชียงใหม่ของพวกเรา
เดินไปสักพักเริ่มเกิดคําถามในใจว่า
“ นี่ยาวเท่าไหร่หรอ... นี่จะเดินไปถึงภูเก็ตรึยัง ” ยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แต่ระหว่างทางก็มีอะไรให้ดู
เยอะแยะเลยครับ ร้านนั้นร้านนี้ ขายของพื้นเมืองมั่ง อะไรมั่ง ชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะมากครับ
จบวันนั้นที่ได้มาก็มีของจุกจิกนิดหน่อยครับ และวันนั้นรู้สึกล้ากันมากเพราะมาถึงกันตั้งแต่เช้า ที่นอนไปก็ยังไม่พอเลยไว้
ค่อยมาต่อกันใหม่พรุ่งนี้เช้าแล้วกัน และแล้วก็เดินทางกลับที่พักเหมือนเดิม
ตื่นเช้ามาคนแรกด้วยหัวใจอันเบิกบาน (มากมั้ยล่ะ) เดินลงมาพี่พนักงานก็ถามเลยครับว่าตื่นกันหมดรึยัง เพราะเดี๋ยวพี่เค้า
จะรีบไปเอาอาหารเช้าออกมาให้ พนักงานที่นี่น่ารักมากครับ พูดจาดี บริการดี ยิ้มแย้มตลอด สําหรับอาหารเช้าก็จะมีให้เลือกสองแบบ
ว่าจะเอาไข่ดาว หรือไข่คน นี่เลยเลือกเป็นไข่คนมา เค้าจะเสิร์ฟมาพร้อมกับหนมปังแล้วก็ไส้กรอกครับ เป็นอาหารเช้าง่ายๆแต่ว่าโอเคเลย
แพลนสําหรับวันนี้คือตั้งใจจะเดินทางไปพักผ่อนกันที่ อ่างขาง ครับ
โดยเริ่มจากการที่เราต้องนั่งรถแดง ไปลงที่ท่ารถช้างเผือกก่อนครับ พอไปถึงปั๊ป
ก็หารถเมล์ที่เขียนว่า “เชียงใหม่ - ท่าตอน” ครับ ค่ารถก็อยู่ ที่คนละ 75 บาท ก็คุ้มครับ
นั่งกันตูดหายเลย เพราะนานมากกว่าจะถึงใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง
จนในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทาง นั่นก็คือ “วัดหาดสําราญ” ตรงจุดนี้จะมีรถคอยบริการสําหรับ
คนที่ต้องการเหมาเดินทางไปยังอ่างขางครับ... ราคาถูกจัดตามโปรโมชั่นนี้ เชิญคุณลูกค้าลองเลือกเลยครับ
800 บาท ( ไปอย่างเดียว )
1,200 บาท (ไป-กลับ ไม่พักค้างคืน)
1,400 บาท (ไป-กลับ พักค้างคืน แต่ไม่เที่ยว)
1,700 บาท (ไป-กลับ พักค้างคืน เที่ยวด้วย)
“ เที่ยวด้วย ” ในที่นี้หมายถึง พี่คนขับรถเค้าก็จะพาไปชมที่เที่ยวต่างๆเช่นโซนเกษตรในอ่างขาง ไปขอบด้ง
ไปไร่ชา ไปหมู่บ้านนอแล แถวๆเขตชายแดน ไทย-พม่า ไปจุดชมวิวม่อนสน ประมาณนี้ครับ
“ และแล้วพวกเราก็เลือกโปรโมชั่น 1,700 บาท ” มาทั้งหมด 7 คนก็ตกคนละ 250 บาทครับ จากนั้นใช้เวลา
เดินทางไปถึงอ่างขางไม่ถึงชั่วโมงครับ ราวๆ 30-45 นาที พอมาถึงก็ไปติดต่อกับทางที่พักเลย ซึ่งที่พักนี้
ได้ทําการจองมาก่อนล่วงหน้าแล้วครับ ที่พักที่นี่ก็มีหลายราคาหลายโครงการเช่นกันครับ สําหรับใครที่ไม่รู้
ว่าจะอยากพักแบบไหนลองดูตามนี้เลยก็ได้ครับ แล้วก็โทรติดต่อโดยตรงเลย ตามนี้เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ให้ความรู้สึกแบบบ้านพักตากอากาศจริงๆ ข้างในไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลมนะครับ แต่รับรองว่าอากาศไม่ร้อนแน่นอน
จากนั้นพี่คนขับรถก็บอกว่าจะพาไปกินข้าวตรงใกล้ๆแถวโครงการ มันจะเป็นร้านอาหารบ้านๆ ออกแนวเวียดนามหน่อยๆ
ก่อนออกเดินทางก็ได้รูปนิดหน่อยครับ เพราะว่าตอนนั้นยังไม่มืดมาก แสงยังพอมี ทําให้ยังพอมีรูปได้อยู่บ้าง
และเช่นเดิมครับ ไม่มีรูปผมเหมือนเดิม 5555555555555555555
สักพักก็มีสาวสวยเดินมาขายของน่ารักๆ เดินมาด้วยรอยยิ้มแบบใสๆถามว่าเอามั้ย ราคาก็น่ารักมากด้วย
อันละ 5-10 บาทเท่านั้นเอง สาวน้อยก็น่ารักมากๆนั่งลงขายแบบกันเองแนะนําชิ้นนั้นชิ้นนี้ รู้ตัวอีกทีก็ซื้อกันไปหลายเส้นแล้วครับ
ระหว่างนั้นก็เลยขอจับภาพหน่อย
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับที่พักครับ ก็เข้าไปนอนเล่นคุยกันเฮฮาตามปกติ แล้วด้วยความที่แพลนที่ถูกวางเอาไว้
ตอนแรกคือ พรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับเข้าเมืองไปพักที่นิมมาน แล้วหาโรงแรมแถวนั้นนอนเล่นเอา ก็เลย
ชาร์ตแค่โทรศัพท์ไว้ แบตสํารองช่างมัน... และทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตลอดกาล