สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
ผมเคยไป work and travel ที่อเมริกา ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยครับ ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาศได้ไปต่างประเทศ
เป็นครั้งแรกที่ได้นั่งเครื่องบินด้วยครับ มันเป็นประสบการณ์ที่สุดจะบรรยายเลยครับ ได้พบเจอสิ่งต่าง ๆ มากมายทั้งดี ทั้งไม่ดี
ขออนุญาต เล่าให้ฟังนะครับ
ตอนนั้นผมไปทำงานที่ร้าน Mcdonald ซึ่งมีปัญหามากมายครับ ผมได้ทำงานแค่ 15 ชม. ต่อสัปดาห์เท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องลำบากมากในการ
ดำรงชีวิต เพราะมีทั้งค่าบ้าน ค่าเดินทาง ค่ากิน ประกอบกับ เป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำในอเมริกา การหา 2nd jobs จึงเป็นเรื่องยากมาก
ระหว่างที่ผมเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ ผมเจอลุงคนไทย วิ่งออกกำลังกายอยู่ ลุงดีใจมาก ๆ ที่เจอคนไทย
(ลุงคนนี้อยู่ อเมริกาจนได้สัญชาติอเมริกันแล้วนะครับ) ตั้งแต่นั้นมา ลุงก็ช่วยเหลือพวกผมมาโดยตลอด ขับรถพาไปฝากทำงานพิเศษ
ไว้กับคนไทยคนอื่น ๆ ที่เป็นพรรคพวกของลุง คอยแวะมาดูความเป็นอยู่ของพวกผมเรื่อย ๆๆ ขนาดวันกลับยังขับรถมาส่งถึงสนามบิน
มันไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าเราจะได้น้ำใจขนาดนี้จากคนที่ไม่เคยรู้จักกัน ผมจึงตั้งใจว่า ถ้าผมมีโอกาศ ผมจะช่วยเหลือคนอื่นบ้าง
และผมก็ทำแบบนั้นมาตลอดเท่าที่ผมมีโอกาศ
สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ สิ่งเหล่านี้ มันมีความหมายต่อทัศนคติ ของผมมาก มันเปลี่ยนไป แต่การเรียนปริญาตรี - โท เปลี่ยนทัศนคติของผมไม่ได้
แต่เรื่องเหล่านี้ก็ตีความหมายเป็นเงินไม่ได้เหมือนกัน มันไม่ได้ทำให้ผม เงินเดือนสูงขึ้น ไม่ได้มีหน้าที่การงานที่ดีขึ้น
แต่ผมเชื่อว่า "จิตใจผมดีขึ้นครับ"
เป็นครั้งแรกที่ได้นั่งเครื่องบินด้วยครับ มันเป็นประสบการณ์ที่สุดจะบรรยายเลยครับ ได้พบเจอสิ่งต่าง ๆ มากมายทั้งดี ทั้งไม่ดี
ขออนุญาต เล่าให้ฟังนะครับ
ตอนนั้นผมไปทำงานที่ร้าน Mcdonald ซึ่งมีปัญหามากมายครับ ผมได้ทำงานแค่ 15 ชม. ต่อสัปดาห์เท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องลำบากมากในการ
ดำรงชีวิต เพราะมีทั้งค่าบ้าน ค่าเดินทาง ค่ากิน ประกอบกับ เป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำในอเมริกา การหา 2nd jobs จึงเป็นเรื่องยากมาก
ระหว่างที่ผมเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ ผมเจอลุงคนไทย วิ่งออกกำลังกายอยู่ ลุงดีใจมาก ๆ ที่เจอคนไทย
(ลุงคนนี้อยู่ อเมริกาจนได้สัญชาติอเมริกันแล้วนะครับ) ตั้งแต่นั้นมา ลุงก็ช่วยเหลือพวกผมมาโดยตลอด ขับรถพาไปฝากทำงานพิเศษ
ไว้กับคนไทยคนอื่น ๆ ที่เป็นพรรคพวกของลุง คอยแวะมาดูความเป็นอยู่ของพวกผมเรื่อย ๆๆ ขนาดวันกลับยังขับรถมาส่งถึงสนามบิน
มันไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าเราจะได้น้ำใจขนาดนี้จากคนที่ไม่เคยรู้จักกัน ผมจึงตั้งใจว่า ถ้าผมมีโอกาศ ผมจะช่วยเหลือคนอื่นบ้าง
และผมก็ทำแบบนั้นมาตลอดเท่าที่ผมมีโอกาศ
สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ สิ่งเหล่านี้ มันมีความหมายต่อทัศนคติ ของผมมาก มันเปลี่ยนไป แต่การเรียนปริญาตรี - โท เปลี่ยนทัศนคติของผมไม่ได้
แต่เรื่องเหล่านี้ก็ตีความหมายเป็นเงินไม่ได้เหมือนกัน มันไม่ได้ทำให้ผม เงินเดือนสูงขึ้น ไม่ได้มีหน้าที่การงานที่ดีขึ้น
แต่ผมเชื่อว่า "จิตใจผมดีขึ้นครับ"
ความคิดเห็นที่ 26
เราว่ามันเป็นความรู้คนละแขนงกันค่ะ
เราเคยไปเรียนภาษาช่วงฤดูร้อน, แลกเปลี่ยน, ไป Work & Travel, เรียนต่อโท, เที่ยวต่างประเทศด้วยตนเองมาแล้ว
การไปต่างประเทศทั้ง 5 แบบ ให้อะไรกับเราต่างกันค่ะ
- เรียนภาษาช่วงฤดูร้อน
เราไปตอน ม.1 ค่ะ ตอนแรกภาษาไม่กระดิกเลย ฟังก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง จับกลุ่มอยู่กับคนไทยด้วยกัน
เพื่อนต่างชาติก็ไม่ค่อยจะมี อาจจะเพราะว่ายังเด็ก ติดบ้าน ติดแม่
ตอนไปครั้งแรกอยู่ 4 สัปดาห์ เราร้องไห้อยากกลับบ้าน 3 สัปดาห์เลยค่ะ ฮ่าๆๆ
เราว่าไปแบบนี้ไม่ค่อยได้อะไรมากมาย นอกจากได้ไปเห็นต่างบ้านต่างเมือง เที่ยว ช็อปปิ้ง
ได้ใช้ชีวิตคนเดียว แบบไม่มีแม่เป็นครั้งแรก
- นักเรียนแลกเปลี่ยน
เราพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยนะคะ ว่าชีวิตเราเริ่มต้นเมื่อเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน
ถ้าไม่มีโอกาสได้ไปเนี่ย เราคิดไม่ออกเลยค่ะว่าตอนนี้เราจะมีชีวิตเป็นอย่างไร เป็นคนที่มีความคิดแบบไหน
การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนสอนให้เราปรับตัวได้ทุกที่ เข้ากับคนได้ทุกประเภท
มีมุมมองการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ซึ่งเราว่า เราชอบตัวเราที่เป็นแบบนี้ค่ะ ที่คิดไม่ค่อยเหมือนคนอื่นแบบนี้แหละ ^^
- Work & Travel
ประสบการณ์ที่ได้มากที่สุดของเราคือ ระบบการทำงานค่ะ การทำงานแบบเป็นระบบ
สอนวิธีคิด ความรับผิดชอบให้เรามากขึ้น Connection อะไร เราไม่ค่อยได้เท่าไหร่
เพื่อนที่ไปด้วย ส่วนมากก็รู้จักกันอยู่แล้ว เพื่อนต่างชาติก็มีบ้าง สนิทกันมากอยู่ แต่ไม่ถึงกับคุยกันทุกวัน
หล้งจากไปกลับมา ก็เจอเพื่อนๆบ้าง ส่วนมากที่คิดถึงคือบรรยากาศการทำงานมากกว่าค่ะ ^ ^
- เรียนต่อโท
เราเคยคิดว่าชีวิตมันจะเหมือนตอนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน แต่มันไม่ใช่ค่ะ
เราต้องใช้ชีวิตคนเดียว อยู่คนเดียว ทำอาหารคนเดียว ไม่มีโฮสต์พาไปนั่นไปนี่ เหงามากค่ะ
เพื่อนที่เราเจอ ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะคะ แต่มันไม่เท่าตอนแลกเปลี่ยน ซึ่งตอนนั้นทุกคนมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
เขาเลยพร้อมที่จะเรียนรู้ความแตกต่างของคนอื่น ประเทศอื่น แต่ตอนเรียนต่อ ทุกคนจับกลุ่มประเทศตัวเอง
ช่วงที่เรียนต่อป.โท เป็นช่วงที่สอนให้เราเข้าใจคำว่า ต่างกรรมต่างวาระจริงๆค่ะ
ช่วงนั้นเราได้เรียนรู้วิชาการ ความคิดใหม่ๆ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เปิดมุมมองใหม่ๆ
ซึ่งถ้าถามว่าการท่องเที่ยวอย่างเดียว เอามาเทียบได้ไหม เราตอบได้เลยค่ะว่าไม่ได้
-การเดินทางท่องเที่ยว
หลังเรียนจบ เราเดินทางท่องเที่ยว มีช่วงเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวบ้าง มีเพื่อนบ้าง
ได้เจอคนใหม่ๆบ้าง แลกเปลี่ยนมุมมอง เป็นการเปิดโลกทัศน์ครั้งยิ่งใหญ่เลยค่ะ
การเดินทาง ได้สอนให้เราเรียนรู้เรื่องการใช้ชีวิต
ซึ่งช่วงที่เรียน ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศทั้งหมด เทียบไม่ติดจริงๆค่ะ
ที่พูดมาทั้งหมด เราอยากบอกว่าต่างโอกาส ต่างสถานที่ ต่างเวลา
เราเอามาเทียบกันไม่ได้หรอกค่ะ ว่าสิ่งไหน ให้อะไรกับเรามากกว่ากัน
ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากมัน ไปใช้ตอนไหนมากกว่าค่ะ
(:
เพิ่มเติม การเรียนภาษาช่วงฤดูร้อน (ไปซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ) และ Work & Travel ค่ะ
เราเคยไปเรียนภาษาช่วงฤดูร้อน, แลกเปลี่ยน, ไป Work & Travel, เรียนต่อโท, เที่ยวต่างประเทศด้วยตนเองมาแล้ว
การไปต่างประเทศทั้ง 5 แบบ ให้อะไรกับเราต่างกันค่ะ
- เรียนภาษาช่วงฤดูร้อน
เราไปตอน ม.1 ค่ะ ตอนแรกภาษาไม่กระดิกเลย ฟังก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง จับกลุ่มอยู่กับคนไทยด้วยกัน
เพื่อนต่างชาติก็ไม่ค่อยจะมี อาจจะเพราะว่ายังเด็ก ติดบ้าน ติดแม่
ตอนไปครั้งแรกอยู่ 4 สัปดาห์ เราร้องไห้อยากกลับบ้าน 3 สัปดาห์เลยค่ะ ฮ่าๆๆ
เราว่าไปแบบนี้ไม่ค่อยได้อะไรมากมาย นอกจากได้ไปเห็นต่างบ้านต่างเมือง เที่ยว ช็อปปิ้ง
ได้ใช้ชีวิตคนเดียว แบบไม่มีแม่เป็นครั้งแรก
- นักเรียนแลกเปลี่ยน
เราพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยนะคะ ว่าชีวิตเราเริ่มต้นเมื่อเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน
ถ้าไม่มีโอกาสได้ไปเนี่ย เราคิดไม่ออกเลยค่ะว่าตอนนี้เราจะมีชีวิตเป็นอย่างไร เป็นคนที่มีความคิดแบบไหน
การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนสอนให้เราปรับตัวได้ทุกที่ เข้ากับคนได้ทุกประเภท
มีมุมมองการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ซึ่งเราว่า เราชอบตัวเราที่เป็นแบบนี้ค่ะ ที่คิดไม่ค่อยเหมือนคนอื่นแบบนี้แหละ ^^
- Work & Travel
ประสบการณ์ที่ได้มากที่สุดของเราคือ ระบบการทำงานค่ะ การทำงานแบบเป็นระบบ
สอนวิธีคิด ความรับผิดชอบให้เรามากขึ้น Connection อะไร เราไม่ค่อยได้เท่าไหร่
เพื่อนที่ไปด้วย ส่วนมากก็รู้จักกันอยู่แล้ว เพื่อนต่างชาติก็มีบ้าง สนิทกันมากอยู่ แต่ไม่ถึงกับคุยกันทุกวัน
หล้งจากไปกลับมา ก็เจอเพื่อนๆบ้าง ส่วนมากที่คิดถึงคือบรรยากาศการทำงานมากกว่าค่ะ ^ ^
- เรียนต่อโท
เราเคยคิดว่าชีวิตมันจะเหมือนตอนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน แต่มันไม่ใช่ค่ะ
เราต้องใช้ชีวิตคนเดียว อยู่คนเดียว ทำอาหารคนเดียว ไม่มีโฮสต์พาไปนั่นไปนี่ เหงามากค่ะ
เพื่อนที่เราเจอ ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะคะ แต่มันไม่เท่าตอนแลกเปลี่ยน ซึ่งตอนนั้นทุกคนมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
เขาเลยพร้อมที่จะเรียนรู้ความแตกต่างของคนอื่น ประเทศอื่น แต่ตอนเรียนต่อ ทุกคนจับกลุ่มประเทศตัวเอง
ช่วงที่เรียนต่อป.โท เป็นช่วงที่สอนให้เราเข้าใจคำว่า ต่างกรรมต่างวาระจริงๆค่ะ
ช่วงนั้นเราได้เรียนรู้วิชาการ ความคิดใหม่ๆ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เปิดมุมมองใหม่ๆ
ซึ่งถ้าถามว่าการท่องเที่ยวอย่างเดียว เอามาเทียบได้ไหม เราตอบได้เลยค่ะว่าไม่ได้
-การเดินทางท่องเที่ยว
หลังเรียนจบ เราเดินทางท่องเที่ยว มีช่วงเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวบ้าง มีเพื่อนบ้าง
ได้เจอคนใหม่ๆบ้าง แลกเปลี่ยนมุมมอง เป็นการเปิดโลกทัศน์ครั้งยิ่งใหญ่เลยค่ะ
การเดินทาง ได้สอนให้เราเรียนรู้เรื่องการใช้ชีวิต
ซึ่งช่วงที่เรียน ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศทั้งหมด เทียบไม่ติดจริงๆค่ะ
ที่พูดมาทั้งหมด เราอยากบอกว่าต่างโอกาส ต่างสถานที่ ต่างเวลา
เราเอามาเทียบกันไม่ได้หรอกค่ะ ว่าสิ่งไหน ให้อะไรกับเรามากกว่ากัน
ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากมัน ไปใช้ตอนไหนมากกว่าค่ะ
(:
เพิ่มเติม การเรียนภาษาช่วงฤดูร้อน (ไปซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ) และ Work & Travel ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมบางคนบอกการเดินทางเยอะๆ อาจจะมีค่าหรือได้ความรู้มากกว่าปริญญาโท ?
- เปิดโลก เปิดความคิด ?
- พบปะคนเยอะ
- ได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง
- ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละที่ได้เยอะ
- เข้าใจโลก ?
ส่วนตัวเคยเดินทางท่องเที่ยว มาบ้างครับ เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป หรือ เมกา ไปเที่ยวบ้าง ไปเรียนบ้างครับ แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายอยู่ดี
ปล ขออนุญาติ tag หลายๆห้องนะคัรบ อยากรู้คำตอบจากหลายๆที่