เพื่อนๆที่ชอบฟังเพลงโดยใช้หูฟัง ที่เรียกว่า Earbud ซึ่งบางคนไม่ชอบแบบ inear เหมือนผม เช่น ใส่แล้ว
รุ้สึกอึดอัด ปวดหูเหมือนเวลาขึ้นที่สุง เครื่องบินอะไรแบบเนี้ย  จึงต้องใช้ earbud กันต่อไป ปัจจุบันราคา
หุฟัง earbud มีตั้งแต่ 100 กว่าบาทยันเกือบหมึ่น หรือเกินหมึ่นมีหรือยังก็ไม่รู้ แต่วันนี้ที่ผมจะมารีวิวเป็นของ
ราคาไม่แพง ไม่เกิน 300 บาท เพื่อให้เป็นแนวทางของคนที่อยากได้หูฟังในระดับราคาประมาณนี้ไว้เป็นตัวเลือก
จริงแล้วผมก็ไม่ค่อยได้ใช้ earbud เป็นประจำ จะใช้ Fullsize เป็นส่วนใหญ่ ที่ซื้อถูกๆมาก็เพื่อลอง ฟังเล่นๆ
จึงไม่กล้าซื้อของแพงมาฟังเล่น ไหนๆก็ซื้อไว้หลายตัวก็คิดว่ามา รีวิวสั้นๆ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้าง

การรีวิวเป็น ความเห็นส่วนตัว จากหูตัวเอง อาจจะแตกต่างกับบางคนที่เคยฟังมาแล้วก็ได้ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้เป็นนัก
ฟังหูทอง หรือเก่งกาจอะไร อาจผิดพลาดก็ได้ อ่านกันเล่นๆนะครับไม่ต้องซีเรียส

หุฟังที่ผมได้มาจากหลายร้านไม่ได้แน่ใจว่ามันเป็น ของจริง หรือของปลอม
แต่แน่ใจว่าเป็นของ จีน (made in china)

หูฟังทุกตัวฟังมาแล้ว (BURN) ประมาณ 50 ชั่วโมง

เพลงใช้ทดสอบเป็น ไฟล์ MP3 320 Kbps พอดี player ไมรับไฟล์ FLAC ซึ่งไฟล์เพลงคุณภาพดี
บิตเลสสูงๆ ทำให้หูฟังใช้ศักยภาพได้เต็มที่ด้วย จึงควรให้ความสำคัญกับไฟล์เพลงที่ฟังด้วย



เอาออกมาถ่ายรูป กับ player ที่ใช้ทดสอบ ใช้ ipod vdo เป็นส่วนมาก



เก็บไว้ในกล่องขนมญี่ปุ่นที่กินหมดแล้ว ไม่ทิ้งกล่องเอามาใช้ประโยชน์ ลดขยะเพื่อสิ่งแวดล้อม



มาเริ่มกันเลย


SONY MDR-E818LP
สำหรับตัวนี้มาในกล่องดุดี สาย Y แจ๊ค L ตะแกรงไม่เหมือนใคร ฟังครั้งแรกตกใจทำไมเสียงมันไม่ดีเลย
หลังเบรินดีขึ้นจนผิดหุผิดตา แต่เสียงทีดีขึ้นใช่ว่าจะชอบเหมือนกันทุกคน ลักษณะเด่นอยุ่ที่กลางแหลม
คม จัดจ้าน เสียงร้อง และดนตรี ใกล้หุมาก เหมือนยืนฟังหน้าวงดนตรี ผมว่ามันจัดจ้านไป แต่บางคนอาจ
ชอบก็ได้ เบสไม่หนัก และไม่นุ่ม ความกระชับ(impack)ยังไม่ดี กลางแหลม คม ช้ดเจน มิติไม่ค่อยกว้าง
สำหรับผมฟังนานๆมีเครียตแน่ๆเลยแนวนี้ ไม่มีความนุ่มนวลซะเลย  บางคนอาจชอบแนวแบบนี้ก็ได้
แต่ผมขอผ่านไม่ใช่แนวนี้

ราคา 190 บาท สำหรับผมว่าไม่คุ้ม เพิ่ม 10 บาท เอา MEIZU PT850 หรือ SHARP: MD ดีกว่า หรือเอา
ของถุกอย่าง Philips She3800 หรือ OKER: DS-300 น่าฟังกว่า

หมายเหตุ  ลองใส่วิ่งในสวนสาธารณะ แล้ว OK ครับ แนวเสียงจัดจ้าน สู้กับ เสียงคน เสียงลม ได้ดีกว่าพวก
เสียงโปร่งกว้าง พอวิ่งไปแล้ว เสียงหายไปตามลมหมดไม่ค่อยได้ยิน


Sennheiser MX500 COCA-COLA EDITION
ตัวนี้แพคเกจออกแบบได้ดูดี เสียดายไม่มีตลับใส่หูฟังให้เหมือนตัวปกติ สำหรับหูฟังตัวนี้ไม่ใช้ของแท้ จึงไม่สามารถ
อ้างอิงกับเสียงของแท้ได้  ตัวบอดี้เป็นสีแดงสวย สายเป็นแบบ J แจ๊คตรง มีที่เลื่อนปรับระดับเสียงที่สาย มาดูเรื่องเสียง
ตัวนี้ให้เสียงออกใส แต่ไม่มีจุดเด่นด้านใดเป็นพิเศษ เบส กลาง แหลม อยู่แนวเดียวกัน มิติก็แค่พอใช้ แต่ฟังดู
ก็เสียงดี แบบเรียบๆ สบายๆ ฟังนานไม่ล้าหุ หาความดีให้มันหน่อย แต่มันจะ บาง แบนเรียบเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้
และมันยังกินวัตต์อีก ต้องเปิดโวลุ่มมากกว่าปกติเมื่อเทียบกับตัวอื่น ราคา 280 บาท ผมว่าไม่คุ้มนะ ไม่รู้อะไรดลใจ
ให้ซื้อตัวนี้มาลอง ราคานี้ซื้อ  V Friend ,SHARP: MD , MEIZU PT850 ดีกว่า ถูกกว่าอีก หรือไปซื้อตัว
ถูกด้านล่างไปเลยดีกว่า


V Friend
ตัวนี้ผมได้มานานแล้ว รอนานจนลืม จำนัมเบอร์ไม่ได้แล้ว สาย J แจ๊คตรง ฟังแบบไม่ใส่ฟองน้ำ ตามคำแนะนำ
ของคนทำ ลักษณะเสียง เสียงร้องชัดหวาน รายละเอียดดี  ให้โฟกัสชัด แหลมใส มิติความกว้างของเสียงทำได้ดี
เบสน้อย สำหรับผมว่าน้อยไป แต่ความกระชับ(impack)ใช้ได้ ผมแหกกฎใส่ฟองน้ำได้เบสเพิ่มมานิดนึงไม่เจ็บหูด้วย
ใครชอบกลางแหลมดีๆ เบสน้อยไปนิดแต่กระชับดี ฟังได้เพราะ กุ้งกิ้งดี อย่าพลาดตัวนี้  ราคา 250 บาท คุ้มค่ามากกับ
เสียงที่ได้ขนาดนี้

ฟังจากเพลงที่ เน้นเสียงร้อง จากนักร้องสาวหลายๆคน เช่น Yao Si Ting ,Jin Chi ,Tong Li ,อรวี สัจจานนท์
ให้เสียงร้องหวาน โฟกัสดี แหลมใสพริ้ว ฟังเพลินได้ทั้งวัน

บางคนอาจสงสัยว่า จริงๆแล้ว V Friend ปรับปรุงจาก DS-300 แล้วเสียงต่างกันแค่ไหน เสียงร้อง V Friend
จะหวานกว่า แหลมใส กุ้งกิ้งกว่า เบสน้อยแต่กระชับ รายละเอียดดีกว่า มิติดีกว่านิดนึง
DS-300 เสียงร้อง จะออกนุ่ม ถ้าใครฟัง DS-300 มาก่อน ถ้าคิดว่า แหลมใสแล้ว เจอ V Friend แหลมขุ่นไปเลย
แต่เบสมากกว่า V Friend แต่ความกระชับสู้ไม่ได้ เอาเป็นว่าแตกต่างกันชัดเจน

หมายเหดุ  อยากลองฟัง V Friend Gold , V Friend Gold Lite รุ่นที่สูงกว่า
               คิดว่าเสียงต้องดีมากแน่ๆ ถ้ามีโอกาสจะต้องหามาลองฟัง


SHARP: MD
ตัวนี้มาในซองพลาสติกธรรมดาไม่มี แพคเกจ ลักษณะเสียงแนวเดียวกับ V Friend สาย J แจ๊คตรง เด่นที่
เสียงร้องชัด แหลมใส แต่ความใสยังเป็นรอง V Friend อยู่นิดหน่อย แต่เบสมากกว่า V Friend  ความกระชับ
ของเบสดี มิติความกว้างของเสียงทำได้ดีใกล้ๆกับ V Friend ใครชอบกลางแหลมดีๆ เบสน้อยไปนิดแต่
กระชับดี ใครที่ชอบ V Friend ยอมเสีย ความใสกับโฟกัสไปนิด  แต่ได้เบสเพิ่มมาหน่อย ก็น่าสนใจนะ

ฟัง Yao Si Ting ร้องเพลง Donna Donna และอีกหลายเพลง  เสียงร้องชัด เสียงดนตรี ใสใส
ฟังแล้วเพลินจะหลับ รวมแล้วเสียงดีน่าฟังครับ ราคา 200 บาท ฟังแล้วคุ้มครับ


MEIZU PT850
ตัวนี้อยู่ในกล่อง แพคเกจดูดีที่สุด ตะแกลงสีเงินสวย สายแบบ Y แจ็กตรงผอม ใช้กับ iphone รุ่นแรกได้ แต่ใช่
ว่าสวยแต่รูป ยังเด่นที่เสียงร้องชัด แหลมใส และมิติความกว้างของเสียงทำได้ ดีกว่า V Friend กับ SHARP
แต่ เสียงกลางแหลม และโฟกัสของเสียงร้อง ยังเป็นรอง V Friend กับ SHARP: MD นิดหน่อย
เหมือนว่าเสียงมัน คนละสไตร์กันมันดีกันคนละแบบ แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน ดีทั้งคู่

จากเพลง มนต์นางรำ และ นกขมิ้น อัลบั้ม คุณพระช่วยออเคสตร้า ให้บรรยากาศและเสียงร้องทำได้ดีน่าฟัง

ฟังโดยรวมแล้ว เสียงแหลมก็ใสดี ส่วนเบสก็มีพอดีไม่มากน้อยเกินไป (มากกว่า V Friend กับ SHARP) แต่ความ
กระชับแค่ปานกลาง ใครชอบ เสียงร้องใกล้ๆ และมิติเสียงกว้าง ความใสโอเค อยากให้ลองตัวนี้  ไม่น่าจะผิดหวัง
ราคา 200 บาท คุ้มมาก ฟังเพลงได้ทุกแนว


OPPO
แพคเกจเป็นซองซิปสีขาว รหัสรุ่นไม่บอกมาแต่สายเป็นแบบสาย Y และความยาว ยาวกว่า DS-300
ผมคิดว่ายาวเกินไปหน่อย ตัวนี้เด่นที่เบส เหมือน DS-300 แต่ความกระชับของเบสทำได้ดีกว่านิดนึง
เสียงดนตรี เสียงร้อง ทำได้คมชัดกว่า DS-300 แต่มิติความกว้างของเสียงจะสู้ DS-300 ไม่ได้ แต่ใช่ว่า
จะน้อยจนเกินไปจนน่าเกียจ อีกอย่างตัวนี้จะกินว้ตต์มากกว่า ถ้าโวลลุ่มเท่ากัน เสียงจะเบากว่า สำหรับผมแล้ว
DS-300 น่าฟังกว่าแต่ถ้าใครไม่เน้น มิติความกว้างของเสียงมากนัก ชอบความชัดของเสียงดนตรี และเสียง
ร้อง OPPO เป็นตัวเลือกที่ดี ราคา 120 บาท คุ้มครับกับเสียงที่ได้


Philips She3800
ตัวนี้ดูจาก body ไม่โหล สวยพอตัว มาในห่อใสมีป้ายติด แถมฟองน้ำอีก 2 คู่ สาย J เรื่องเสียงนั้น
ทำได้ประหลาดใจมาก ดีกว่าที่คิดมาก ตัวนี้จะเด่นที่เสียงกลางแหลม และมิติความกว้างของเสียงทำได้
ดีมาก เสียงแหลมสดใส เสียงร้องชัด เบสพอดีสำหรับผมนะคนอื่นอาจว่าน้อยไป อิมแพคความกระชับของเบส
ทำได้ดีทีเดียว ถ้าเทียบกับ DS-300 และ OPPO เบสน้อยจะกว่า แต่ความกระชับของเบส ความใส ดีกว่า
มิติเสียงกว้างโปร่งกว่า รวมแล้วน่าฟังกว่า

ฟังจากเพลง Kiss Of Life และหลายเพลง ของ Olivia Ong ให้ความสดใสของเสียงดนตรี เสียงร้องชัด
เบสความมีกระชับดี น่าฟังจริงๆ ช่วงนี้ผมจะชอบฟังหมวยร้องเพลงฝรั่ง ผมว่าเพราะดีนะ

ใครชอบแนว เสียงร้องชัด แหลมใส มิติกว้าง แต่ไม่เน้นเบส มากจนเวอร์ไป ตัวนี้แหละ ราคา 120 บาท
ผมว่าสุดคุ้มเลย ตัวนี้เป็นสไตล์เสียงที่ผมชอบเลย

จริงๆผมก็ชอบ DS-300 นะ แต่ยอมทิ้งเบส ความนุ่มนวลไปหน่อย แลกกับ เสียงร้องทีหวานขึ้น ความกว้าง
ของเสียงทีโปร่งขึ้น และเสียงแหลมที่ใสขึ้น  สำหรับผมถึอว่าคุ้ม  ถ้าให้เลือกตามที่ผมชอบในระดับราคานี้
She3800 , DS-300 , OPPO

หมายเหตุ  ในระดับราคา 120 บาท ผมไม่คิดว่าจะมีตัวไหนเสียงดีกว่าแล้วนะ ถ้ามีบอกด้วยจะลองฟัง
               แนะนำตัวนี้ครับ  (เป็นแนวเสียงที่ผมชอบ ใช่ว่าทุกคนจะชอบเหมือนกัน)


OKER: DS-300
ตัวนี้เด่นที่เบส  แม้ความกระชับของเบสยังไม่ถึงกับดี แต่ก็ไม่ถึงไปกลบกลางแหลมไปมาก เสียงร้อง
นุ่มนวล แหลมใสพอใช้ และมิติความกว้างของเสียงดี และทำได้ดีกว่า OPPO เทียบแล้ว DS-300 โปร่งกว่า
แต่ความชัดของเสียงร้องจะสู้ OPPO ไม่ได้นิดหน่อย ความกระชับของเบส ยังเป็นรอง OPPO

เสียงของนักร้องสาว Simone Kopmajer ในอัลบั้ม Nothing's Gonna Change My Love For You
เพลง I'm Yours  OPPO ให้น้ำหนักของเสียงเคาะ ของดนตรี และเสียงร้อง มีน้ำหนักดี ชัดเจน
ส่วน DS-300 จะเป็นรองอยู่นิดหน่อย แต่มิติความกว้างของเสียง และบรรยากาศ DS-300 ทำได้ดีน่าฟังกว่า

แต่โดยรวมแล้ว DS-300 เสียงดีน่าฟัง สมคำร่ำลือเหมาะกับฟังเพลงได้ทุกแนว ราคา 120 บาท ถือว่าคุ้มมากครับ

หมายเหตุ ใครฟัง DS-300 ครั้งแรก แล้วว่าเสียงไม่ดี แสดงเล่นหูฟังมาเยอะ หูเริ่มเทพแล้ว มีแววเสียตังเรื่อยๆ
             ใครฟังแล้วบอกเสียงดี คือคนปกติธรรมดาทั่วไป ไม่ได้เล่นหูฟัง แต่หูเอาไว้ฟังเพลง แบบไม่ซีเรียส
             สบายๆ ไม่มีแววว่าจะเสียงตังกับหุฟังมาก

                               จบแล้วครับ รีวิวสั้นๆแต่อ่านกันยาวนิดนึง หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ